เคยไหมที่เปิดแอร์อยู่ดี ๆ แล้วจู่ ๆ ความเย็นก็หายไป เสียงคอมแอร์ด้านนอกเงียบลงไป ทั้งที่ไฟก็ยังติดอยู่ นั่นอาจหมายความว่าคอมแอร์ร้อนแล้วตัดนั่นเองค่ะ ซึ่งถือเป็นอาการยอดฮิตของแอร์บ้านโดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อนจัดหรือแอร์ที่ใช้มาหลายปีนั่นเอง
ฟังดูอาจจะเหมือนเรื่องเล็ก ๆ แต่หากปล่อยไว้โดยไม่แก้ไข อาการนี้อาจนำไปสู่ความเสียหายของคอมเพรสเซอร์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของระบบแอร์ และราคาซ่อมก็ไม่ถูกเอาซะเลย วันนี้แอร์แคเรียร์จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า อาการคอมแอร์ร้อนแล้วตัดเกิดจากอะไร ควรแก้ไขอย่างไร และจะป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำได้อย่างไรบ้าง
คอมแอร์ร้อนแล้วตัด เกิดจากอะไร
อาการคอมแอร์ร้อนแล้วตัด หมายถึง อาการที่ระบบของเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่พักนึง แล้วคอมเพรสเซอร์หยุดทำงานชั่วคราว เนื่องจากความร้อนที่สูงเกินค่าที่ปลอดภัย ทำให้ระบบสั่งตัดไฟอัตโนมัติ เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องเสียหาย ซึ่งพบว่ามีสาเหตุหลักดังนี้
- แผงคอยล์ร้อนสกปรก – หากแผงคอยล์ร้อน (ตัวคอมเพรสเซอร์นอกบ้าน) สกปรกหรือมีฝุ่นเกาะหนา การระบายความร้อนจะทำได้ไม่ดี ความร้อนจึงสะสมในระบบ ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักและตัดบ่อย
- พัดลมคอยล์ร้อนไม่หมุน – พัดลมคอยล์ร้อนมีหน้าที่พัดลมให้ผ่านแผงระบายความร้อน หากมอเตอร์พัดลมเสียหรือใบพัดติดขัดจะทำให้ลมไม่หมุน ความร้อนในระบบจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คอมแอร์ร้อนขึ้นแล้วตัด
- ระบบน้ำยาแอร์ผิดปกติ – น้ำยาแอร์มีบทบาทสำคัญในการดูดซับและถ่ายเทความร้อน หากน้ำยาน้อยเกินไปหรือรั่ว แรงดันในระบบจะไม่สมดุล คอมเพรสเซอร์จึงทำงานหนักและร้อนเกินไป ในทางกลับกัน ถ้าน้ำยามากเกินไป ก็อาจทำให้แรงดันสูงเกินค่าปกติและตัดเช่นกัน
- คอมเพรสเซอร์เริ่มเสื่อมสภาพ – คอมเพรสเซอร์ที่ใช้งานมานานหลายปีอาจมีขดลวดหรือมอเตอร์ภายในเสื่อมสภาพ ทำให้เครื่องทำความร้อนมากกว่าปกติ เมื่อถึงจุดที่อุณหภูมิสูงเกิน ระบบก็จะตัดทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายถาวร
- การติดตั้งไม่ถูกวิธี – หากคอมเพรสเซอร์ติดตั้งในมุมอับหรือมีสิ่งกีดขวางด้านหลัง จะทำให้ลมร้อนระบายออกได้ยาก ความร้อนสะสมจนเครื่องตัดตัวเองเพื่อความปลอดภัย
วิธีป้องกันไม่ให้คอมแอร์ร้อน
หลังจากที่เรารู้สาเหตุของคอมแอร์ร้อนแล้วตัด จนอาจทำให้เกิดปัญหากวนใจตามมาได้ ต่อไปเราก็มาดูวิธีป้องกันและดูแลแอร์ของเราให้ใช้ได้นานกันค่ะ
- ล้างแผงคอยล์ร้อนเป็นประจำ
ควรล้างแผงคอยล์ร้อนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง โดยให้ช่างมืออาชีพใช้แรงดันน้ำที่เหมาะสม เพราะคราบฝุ่นและเศษใบไม้ที่เกาะอยู่จะทำให้การระบายความร้อนลดลง
- ตรวจสอบพัดลมคอยล์ร้อน
ฟังเสียงมอเตอร์หรือสังเกตแรงลม ถ้ามีเสียงแปลกหรือพัดลมหมุนช้ากว่าปกติควรเรียกช่างตรวจสอบทันที
- เลือกขนาด BTU ให้เหมาะกับพื้นที่
แอร์ที่ BTU น้อยเกินไปจะทำงานหนักกว่าปกติ เพราะต้องพยายามทำให้ห้องเย็นอยู่ตลอด ส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ร้อนและตัดบ่อย ส่วนถ้า BTU มากเกินไปก็เปลืองไฟโดยไม่จำเป็น
แคเรียร์แชร์ทิป: วิธีเลือก BTU ให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงปัญหาคอมแอร์ตัดบ่อย
บ่อยครั้งที่สาเหตุหลักของการที่คอมเพรสเซอร์ร้อนแล้วตัดไป เกิดจากขนาด BTU ของแอร์ไม่สมดุลกับขนาดของห้องที่ใช้งาน ซึ่ง BTU (British Thermal Unit) คือค่าพลังงานความเย็นของแอร์ ยิ่งห้องใหญ่ หรือมีแดดส่องมาก ยิ่งต้องใช้ BTU สูงขึ้นนั้นเอง
สูตรคำนวณค่า BTU ง่าย ๆ จากแคเรียร์: ขนาดห้อง (กว้าง x ยาว) x 800 = BTU โดยประมาณ
เช่น ห้องขนาด 4 × 5 เมตร = 20 ตารางเมตร
20 × 800 = 16,000 BTU นี่คือขนาดแอร์ที่เหมาะสมกับห้องขนาด 20 ตร.ม.
ทิปเพิ่มเติมจากแคเรียร์
- ถ้าห้องอยู่ด้านที่โดนแดดบ่ายหรือเป็นชั้นบนของบ้านที่ร้อนจัด ควรบวกเพิ่มอีกประมาณ 10–15% เพื่อให้คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงานหนักเกินไป
- เราแนะนำให้เลือกแอร์ที่มีเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ (Inverter) อย่างแอร์แคเรียร์รุ่น XInverter Plus เพราะระบบนี้จะปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้เหมาะสมกับอุณหภูมิจริงในห้อง ช่วยลดการตัดบ่อย ประหยัดพลังงาน และยืดอายุการใช้งานของเครื่อง
บทสรุปอาการคอมแอร์ร้อนแล้วตัด
สรุปแล้วอาการคอมแอร์ร้อนแล้วตัด ไม่ได้เกิดจากแค่ความร้อนภายนอกเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับหลายปัจจัย ทั้งความสกปรกของแผงคอยล์ การระบายอากาศไม่ดี น้ำยาแอร์ผิดปกติ หรือการเลือกขนาด BTU ไม่เหมาะกับพื้นที่ ซึ่งการป้องกันที่ดีที่สุดคือการดูแลอย่างสม่ำเสมอ เช่น ล้างแอร์ปีละ 1 – 2 ครั้ง ตรวจเช็กระบบไฟและพัดลม หรือติดตั้งในจุดที่อากาศถ่ายเทได้ดี หากสังเกตว่าเครื่องเริ่มร้อนแล้วตัดบ่อย ควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบทันที เพื่อป้องกันการเสียหายของคอมเพรสเซอร์ในระยะยาวค่ะ



