ติดต่อเรา

ทำอย่างไรเมื่อแอร์มีกลิ่นอับ สาเหตุเกิดจากอะไรแล้วจะแก้ไขได้ยังไง?

แอร์มีกลิ่นอับเป็นเรื่องน่าปวดหัวแคเรียร์บอกต่อสาเหตุและวิธีรับมือเมื่อแอร์บ้านมีกลิ่น แอร์มีกลิ่นอับคือหนึ่งในปัญหากวนใจสำหรับผู้ใช้งานแอร์ คือกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในเครื่องปรับอากาศที่มักจะส่งกลิ่นรบกวนการพักผ่อนของเราอยู่บ่อย ๆ แล้วสาเหตุของกลิ่นเหล่านี้มาจากไหน ต้องดูแลแอร์ยังไงให้ไม่มีกลิ่น วันนี้เรามาหาคำตอบกัน สาเหตุที่ทำให้แอร์มีกลิ่นอับ การอุดตันและสิ่งสกปรกถือเป็นสาเหตุหลัก ๆ ของการเกิดทำให้แอร์มีกลิ่นอับ เมื่อสิ่งสกปรกต่าง ๆ อุดตันเป็นจำนวนมากตามท่อระบายน้ำแอร์ ถาดน้ำทิ้ง นอกจากจะส่งกลิ่นเหม็นแล้ว ยังทำให้น้ำแอร์ไม่สามารถระบายได้ตามที่ควรจะเป็นอาจทำให้เกิดน้ำแอร์หยด รวมถึงแอร์ไม่เย็นอีกด้วย สัตว์เพราะเครื่องปรับอากาศต่างมีช่องเล็ก ๆ และซอกต่าง ๆ  ทำให้มีแมลงและสัตว์ตัวเล็ก ๆ เข้าไปอาศัยหรือทำรังอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น มด แมลงสาบ จิ้งจก เป็นต้น ซึ่งสัตว์และแมลงเหล่านี้มักจะทิ้งฉี่หรืออึ ไว้ตามซอกต่าง ๆ รวมถึงอาจเข้าไปติดตามซอกจนออกมาไม่ได้และตายอยู่ในนั้น ทำให้แอร์ส่งกลิ่นเหม็นออกมาทั่วพื้นที่ เชื้อราเมื่อน้ำแอร์ที่ถูกขังไว้บริเวณถาดน้ำทิ้งไม่ได้รับการระบาย นอกจากจะทำให้น้ำแอร์หยดแล้ว ถอดน้ำทิ้งยังกลายเป็นแหล่งสะสมของความชื้น น้ำขัง ทำให้เกิดตะไคร่น้ำและเชื้อรา ซึ่งเป็นต้นกำเนิดชั้นดีของกลิ่นเหม็นอับสะสมจำนวนมาก ทำอย่างไรเมื่อแอร์มีกลิ่นอับ? ทุกคนสามารถแก้ปัญหาแอร์มีกลิ่นอับเบื้องต้นได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีต่อไปนี้ วิธีป้องกันแอร์มีกลิ่มอับ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแอร์มีกลิ่นอับเหม็นซ้ำ ๆ บ่อย ๆ แคเรียร์ขอแนะนำวิธีป้องกันที่คุณเองก็ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการหมั่นทำความสะอาดส่วนต่าง ๆ […]

แคเรียร์บอกต่อเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้คอมเพรสเซอร์ใช้งานได้นาน

คอมเพรสเซอร์คู่หูสำคัญที่ทำงานร่วมกับ Indoor Unit หรือส่วนของเครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งในบ้าน โดยคอมเพรสเซอร์ หรือ Outdoor Unit มีหน้าที่บีบอัดสารทำความเย็นกลับเข้าไปที่ Indoor Unit ให้ปล่อยความเย็นออกมานั่นเอง ดังนั้นหากคอมเพรสเซอร์มีปัญหาจะส่งผลต่อการทำงานของเครื่องปรับอากาศทั้งหมด ไปจนถึงเครื่องปรับอากาศใช้งานไม่ได้ ซึ่งปัญหาของคอมเพรสเซอร์สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย  วันนี้แคเรียร์ได้รวบรวมปัจจัยสำคัญที่ทำให้คอมเพรสเซอร์เกิดปัญหาอยู่บ่อยครั้ง พร้อมวิธีการดูแลรักษาและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น เพื่อยืดอายุการใช้งานคอมเพรสเซอร์มาให้ในบทความนี้กันแล้ว ปัจจัยที่ 1 ที่วางติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ (Outdoor Unit) เป็นเรื่องธรรมดาที่คอมเพรสเซอร์จะเสื่อมสภาพตามระยะเวลาที่ถูกใช้งาน แต่รู้หรือไม่ว่าการเลือกที่วางคอมเพรสเซอร์ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญในการยืดอายุการใช้งานเป็นอย่างมาก เนื่องจากคอมเพรสเซอร์แอร์จะต้องอยู่ข้างนอกบ้านเผชิญหน้ากับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปในทุก ๆ วันทำให้มีโอกาสที่จะสึกกร่อนหรือเสื่อมประสิทธิภาพได้ง่ายกว่าปกติอย่างแน่นอน ดังนั้นการเลือกที่ติดตั้งที่เหมาะสมก็สามารถช่วยยืดอายุได้มากขึ้น ตำแหน่งที่เหมาะสมในการติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ เพราะคอมเพรสเซอร์เป็นชิ้นส่วนที่ต้องเจอกับความหลากหลายของสภาพอากาศมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อากาศร้อน แดดออก ฝนตก รวมถึงความชื้นต่าง ๆ ทำให้เกิดการรั่วซึมหรือความสกปรกได้ง่าย ดังนั้นการติดตั้งคอสเพรสเซอร์จึงควรติดตั้งในพื้นที่ ที่หลีกเลี่ยงที่ ๆ มักโดนฝนสาด มีน้ำขังง่าย หรือโดนแดดโดยตรง รวมถึงควรติดตั้งด้านหลังคอมเพรสเซอร์ให้ห่างจากผนังเป็นไปตามคู่มือแต่ละรุ่นกำหนด. และด้านหน้าไม่ควรมีอะไรมาบดบังในระยะตามคู่มือแต่ละรุ่นกำหนด เพื่อให้ง่ายต่อการระบายความร้อน ตรวจเช็กสภาพและการทำความสะอาดนั่นเอง ปัจจัยที่ 2 คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไป เมื่อเราใช้เครื่องปรับอากาศมาเป็นเวลาหลายปี เป็นเรื่องธรรมดาที่ประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศจะลดลง รวมถึงความสะอาดของเครื่องจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำความเย็น ดังนั้นการดูแลบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่เหมาะสม […]

นอนห้องแอร์ ทำไมถึงแพ้อากาศ?

สุขภาพร่างกายโดยรวมของเราแปรผันตามปริมาณและเวลาการนอน การพักผ่อนให้เพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม แต่สำหรับเหล่าคน (ขี้) แพ้อากาศแล้ว การนอนยาว ๆ โดยไม่ต้องตื่นมาฟุดฟิดนั้นดูจะเป็นเรื่องยากสุด ๆ  สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเปิดแอร์ระหว่างการนอนที่แม้จะช่วยให้เรารู้สึกเย็นสบาย แต่ก็ยังทำให้เกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หรือฟุดฟิดได้อยู่เสมอ เราขอพาทุกคนไปสำรวจเบื้องลึกเบื้องหลังหาสาเหตุที่แท้จริงของ ‘อาการแพ้อากาศ’ ที่เกิดจากห้องแอร์ตัวร้ายกัน หายใจติดขัดเพราะความชื้นไม่เหมาะสมสาเหตุแรกที่ทำให้เรามีอาการแพ้อากาศเมื่ออยู่ในห้องแอร์ ก็คือความชื้นสัมพัทธ์หรือปริมาณไอน้ำในอากาศที่ไม่เหมาะสม นอกจากแอร์จะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ในห้องได้แล้ว แอร์ยังทำให้เกิดภาวะความชื้นที่ไม่เหมาะสมได้เช่นกัน ความชื้นถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจเป็นอย่างมาก ความชื้นที่น้อยเกินไปก็จะส่งผลให้เกิดอาการผิวแตก คอแห้ง เจ็บคอ หรือแสบจมูกจากเยื่อบุจมูกแห้ง ในทางกลับกันความชื้นที่มากเกินไปจะให้เรารู้สึกเหนียวเหนอะหนะ คัดจมูก และหายใจไม่ค่อยสะดวก นอกจากนี้ความชื้นสัมพัทธ์ที่ไม่เหมาะสมจะไปกระตุ้นสารก่อภูมิแพ้ให้ฟุ้งกระจายและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เพิ่มโอกาสในการเป็นภูมิแพ้ได้มากขึ้น  เราจามฟุดฟิดจากฝุ่นสะสมภายในห้องนอนนอกจากจะมีความชื้นแล้ว ในห้องนอนของเราก็ยังมีหมอนผ้าห่มและตุ๊กตาแสนน่ารักที่ทำให้เกิดไรฝุ่นและเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้เช่นกัน และฝุ่นเหล่านี้ก็เป็นอีกปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ต่าง ๆ อย่างอาการแพ้ฝุ่น แพ้อากาศ การจาม และคัดจมูก  ฝุ่นและแบคทีเรียเหล่านี้เกิดจากอนุภาคขนาดเล็กที่เข้ามาในบ้านของเรา เช่น ควันจากรถหรือท่อไอเสีย ละอองเกสรดอกไม้ เส้นใยผ้า แป้งหรือเครื่องสำอางค์ ไปจนถึงเซลล์ผิวหนังที่หลุดออกมาจากร่างกายของเรา อนุภาคเหล่านี้ส่วนหนึ่งจะกลายสภาพเป็นฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในอากาศ แต่อีกส่วนหนึ่งก็จะกลายเป็นอาหารของไรฝุ่นที่อาศัยอยู่บนหมอนหรือเตียงของเรา ตั้งค่าแอร์อย่างไรให้หายใจคล่องขึ้นสำหรับคนที่มีปัญหาภูมิแพ้อยู่บ่อย ๆ ไม่ควรติดตั้งแอร์บริเวรหัวเตียงหรือปลายเตียง เพราะการติดแอร์บริเวณดังกล่าวจะทำให้ลมแอร์ปะทะตัวเรามากเกินไปจนหายใจไม่สะดวก และควรควบคุมอุณหภูมิในห้องให้อยู่ระหว่าง 22 […]

น้ำยาแอร์ต้องเติมบ่อยแค่ไหน?

เชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องมีความคิดที่ว่าน้ำยาแอร์หมดแล้วแน่ ๆ ถึงเวลาต้องเติมน้ำยาแอร์ ในทุก ๆ ครั้งเมื่อแอร์ในบ้านเกิดอาการไม่เย็นขึ้นมา แต่รู้หรือไม่ ว่าจริง ๆ แล้ว น้ำยาแอร์ที่อยู่ในเครื่องปรับอากาศนั้นเป็นระบบปิด ซึ่งหมายความว่าน้ำยาแอร์จะอยู่ในปริมาณเท่าเดิม ไม่ลดและไม่มีวันหมดแม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 5 ปี หรือ 10 ปีก็ตาม ยกเว้นว่าเกิดการรั่วไหลของน้ำยาแอร์ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ไม่มาก  รู้อย่างนี้แล้ว ต่อไปหากแอร์ที่บ้านเริ่มไม่ทำความเย็นตามที่ควรจะเป็น อย่าพึ่งรีบตัดสินใจว่าเกิดจากน้ำยาแอร์หมด แต่ให้ลองหาสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้บ่อยกว่า อย่างเช่น แอร์ไม่ได้รับการล้างทำความสะอาดมาเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของแผ่นกรองฝุ่นและคอยล์เย็น หรือหากโดนช่างบอกว่าให้เติมน้ำยาแอร์ ทั้ง ๆ ที่ไม่พบการรั่วไหลของน้ำยา ก็สามารถทักท้วงหรือสอบถามได้อย่างทันท่วงที เพราะหากเติมน้ำยาแอร์จนมากเกินความจำเป็น ก็จะทำให้แอร์มีอาการ Over Charge ทำให้แอร์ไม่เย็น อย่างไรก็ตามหากพบการรั่วไหล น้ำยาแอร์จะหมดลงเร็วมากโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน หรือบางครั้งอาจเป็นเดือนขึ้นอยู่กับขนาดของรูที่รั่ว ต้องเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการซ่อมและดูแลทันที เพราะก่อนจะเติมน้ำยาแอร์ จำเป็นต้องอุดรอยรั่วตามจุดต่าง ๆ ก่อนเป็นอันดับแรก และน้ำยาแอร์แต่ละชนิด ยังมีวิธีการเติมที่ต่างกัน ดังนี้ น้ำยาแอร์ R32 เป็นน้ำยาแอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแอร์รุ่นใหม่ […]

น้ำแอร์หยดเกิดจากอะไร ต้องแก้ยังไงนะ?

น้ำแอร์หยดเกิดจากอะไร ต้องแก้ยังไงนะ?

น้ำแอร์หยดเกิดจากอะไร ต้องแก้ยังไงนะ? รู้สาเหตุของน้ำแอร์หยด วิธีแก้ไขที่ทำได้เอง พร้อมไขข้อสงสัยว่าน้ำแอร์หยดเกิดจากอะไร อันตรายมั้ย? เราสามารถเปิดใช้เครื่องปรับอากาศขณะที่น้ำแอร์หยดได้หรือไม่ วันนี้แคเรียร์จะมาเคลียร์ทุกข้อสงสัย น้ำแอร์หยดเกิดจากอะไร? พร้อมแล้วมาอ่านข้อควรรู้เกี่ยวกับปัญหาน้ำแอร์หยด พร้อมวิธีแก้ไขเบื้องต้นกันเลย น้ำแอร์หยดเกิดจากอะไร? น้ำแอร์หยดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ปัญหากวนใจสำหรับเครื่องปรับอากาศที่ถูกใช้งานตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป หรือมากกว่านั้น โดยที่ไม่ได้มีการทำความสะอาด ล้างแอร์ หรือดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศเลย บทความนี้จะมาบอกถึงสาเหตุที่ทำให้น้ำแอร์หยด พร้อมวิธีแก้เบื้องต้นที่คุณเองก็สามารถทำได้ง่าย ๆ และแก้ไขได้อย่างตรงจุด ดังต่อไปนี้ 1. “แผ่นกรองอากาศสกปรก” เกิดการอุดตันทำให้น้ำแอร์หยด ‘ฝุ่น’ ตัวการร้ายที่ทำให้เกิดการอุดตันที่แผ่นกรอง การไม่ทำความสะอาดจะส่งผลให้ฟิลเตอร์หรือแผ่นกรองฝุ่นมีความสกปรก ส่งผลให้เกิดการอุดตันที่แผ่นกรองในช่องแอร์ได้ ทำให้แอร์ไม่เย็น ไม่สามารถระบายความเย็นออกมาได้หมด เกิดน้ำแข็งจับตัวเกาะอยู่ในตัวเครื่อง และเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น น้ำแข็งที่เกาะจะละลาย กลายเป็นน้ำแอร์หยด 💡วิธีแก้ไข – แนะนำให้ถอดฟิลเตอร์ออกมาทำความสะอาด โดยใช้น้ำเปล่าล้าง ไม่ต้องทำการขัดฟิลเตอร์ จากนั้นให้นำไปผึ่งจนแห้ง และนำไปประกอบเข้ากับตัวเครื่องปรับอากาศ ทำให้ฝุ่นที่เกาะตรงทางเดินของลมหลุดออกไป เครื่องปรับอากาศปล่อยความเย็นออกมาได้อย่างเต็มที่ – ควรทำความสะอาดล้างแอร์ทุก 6 เดือน สามารถดูวิธีการล้างแอร์ด้วยตัวเองได้ที่บทความ การล้างแอร์บ้านเรื่องสำคัญที่ต้องรู้ หรือจะเรียกทีมช่างแอร์มาล้างได้เหมือนกัน 2. […]

รวม 5 วิธีหนีฝุ่น ช่วยให้ห้องสะอาด หายใจสะดวก

ปัจจุบันมีปัจจัยมากมายที่ทำให้เกิดฝุ่นละอองและมลพิษในห้องของเรา ทั้งฝุ่นละอองที่อยู่ในอากาศอย่าง PM 2.5 หรือไรฝุ่นที่เกิดจากเศษผ้า เศษผม หรือเครื่องเแต่งกาย ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อระบบหายใจ แต่หากเรารู้วิธีดูแลและจัดการฝุ่นละอองเหล่านี้อย่างถูกต้อง ห้องของเราก็จะสะอาด หายใจสะดวก เหมาะกับการพักผ่อนมากยิ่งขึ้น เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนช่วยได้ ฝุ่นต่าง ๆ ในห้องนอนมักจะเกิดจากเศษผ้า และมูลของไรฝุ่นหรือแบคทีเรีย ซึ่งการผลัดเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนสัปดาห์ละ 1 ครั้งและซักผ้าห่มเป็นประจำทุก 1 เดือน จะช่วยลดปริมาณไรฝุ่นที่อาศัยอยู่ในเครื่องนอน รวมถึงเพิ่มความสะอาดให้ห้องของเราได้มากขึ้น เริ่มต้นจากการดูดฝุ่น การดูดฝุ่นเป็นวิธีพื้นฐานในการทำความสะอาดห้อง โดยความถี่ที่เหมาะสมในการดูดฝุ่นคือประมาณ 2-3 วันต่อสัปดาห์และควรทำเป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังจากการปัดกวาด เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกบางอย่างที่ตกค้างจากการทำความสะอาดอื่นๆ การดูดฝุ่นจึงเป็นเหมือนการเก็บรายละเอียดเพื่อให้ห้องของเราสะอาดขึ้นไปอีกระดับ กันฝุ่นด้วยการหมั่นปิดประตูและหน้าต่าง ช่วงนี้ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในตัวเมืองต่างๆ มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากหลายๆ คนก็ออกมาทำงานใช้รถใช้ถนนกันเป็นปกติแล้ว อีกทั้งโรงงานและกำลังการผลิตต่างๆ ก็กลับมาทำงานแบบเต็มกำลังทำให้มีฝุ่นละอองและมลพิษในอากาศมากขึ้น เราจึงไม่ควรที่จะเปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้เป็นเวลานาน แต่อย่างไรก็ตามอากาศที่ถ่ายเทยังจำเป็นกับการพักผ่อนในห้องเสมอ โดยในช่วงที่มีฝุ่นละอองหนาแน่นอย่างหน้าหนาวและหน้าร้อนให้เปิดหน้าต่างระบายอากาศไม่เกินวันละ 3 – 4 ชั่วโมง โดยประมาณ และควรเปิดในเวลากลางคืนที่ถนนไม่ค่อยมีรถสัญจร แต่สำหรับวันที่มีฝนตกนั้นสามารถเปิดหน้าต่างระบายอากาศหลังฝนตกได้ตามปกติ ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ ต้นไม้ฟอกอากาศเป็นอีกหนึ่งทางออกของปัญหานี้ เพราะเราไม่สามารถป้องกันมลพิษที่จะลอยเข้ามาในห้องได้ร้อยเปอร์เซ็น การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ อาธิ […]

เช็กก่อนเรียกช่าง 4 วิธี เช็กเครื่องปรับอากาศด้วยตัวเอง

เครื่องปรับอากาศหรือแอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่เราต้องหมั่นดูแลอยู่เสมอ ทำให้เครื่องปรับอากาศมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ และหลายครั้งความผิดปกติที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้แปลว่าแอร์ของเราจะเสียหรือต้องเรียกช่างเสมอไป  วันนี้ ความรู้ คู่แอร์บ้าน จึงขอหยิบ 4 เทคนิคเช็กความผิดปกติของเครื่องปรับอากาศและวิธีแก้ไขเบื้องต้นก่อนจะเรียกช่างซ่อมมาฝากทุกคนกัน! 1. ตรวจสอบรีโมตแอร์ เมื่อแอร์ของเรามีท่าทีแปลกๆ สิ่งแรกที่เราควรตรวจสอบก็คือรีโมตแอร์ โดยต้องเช็กให้ดีว่ารีโมตถ่านหมด ตั้งค่าโหมดผิด ตั้งสปีดพัดลมไม่เหมาะสม หรือมีฟังชันก์ไหนที่ไม่ควรเรียกใช้เปิดอยู่บ้าง เพราะในหลายครั้งปัญหาที่เราพบเจอกันก็มักเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ ซึ่งถ้าหากดูแล้วว่าเครื่องปรับอากาศทำงานผิดปกติจากรีโมตแอร์ เราก็แค่เปลี่ยนถ่าน ปรับโหมดการทำงาน หรือซื้อรีโมตอันใหม่มาใช้ก็เพียงพอ 2. ตรวจสอบการติดตั้งแอร์เบื้องต้น หนึ่งปัญหาที่คนใช้แอร์ต้องพบเจอกันอยู่บ่อยๆ ก็คือ เครื่องแอร์ไม่เย็นหรือเย็นช้า ซึ่งในบางครั้งก็เกิดจากการติดตั้งแอร์ ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรทำก็คือการตรวจการติดตั้งได้ตามมาตฐานหรือไม่ สารทำความเย็นน้อย หรือรั่ว ตามจุดข้อต่อต่างๆ ของการติดตั้งหรือไม่  และ แอร์มีขนาดที่ไม่เหมาะกับขนาดห้องหรือไม่ สาเหตุนี้อาจต้องย้อนกลับไปถึงตอนติดตั้งแอร์เลย การติดตั้งแอร์ที่ไม่เหมาะกับขนาดห้องทำให้แอร์เย็นไม่ทั่วถึงได้เช่นกัน 3. ตรวจสอบล้างแอร์บ้าน การล้างเครื่องปรับอากาศเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องแอร์เย็นช้า แอร์ไม่เย็นเลย แอร์น้ำหยด หรือแอร์เสียงดัง เพราะปัญหาเหล่านี้มักจะเกิดจากฝุ่นที่เข้าไปเกาะบริเวณฟิลเตอร์แอร์ การอุดตันของท่อแอร์ และน้ำแข็งจับกันเป็นต้น ดังนั้นแล้วเราควรตรวจสอบช่วงเวลาในการล้างแอร์ว่าตรงตามรอบหรือไม่ ซึ่งทั่วไปแล้วเราควรล้างเครื่องปรับอากาศทุกๆ 4-6 เดือนเพื่อทำความสะอาดและยืดอายุการใช้งานด้วย 4. ตรวจสอบ Error […]

เทคนิคเปลี่ยนบ้านแสนรักให้ประหยัดพลังงานขึ้น!

บ้านประหยัดพลังงาน หรือ ECO House อาจจะเป็นโมเดลบ้านของโลกอนาคตที่จะทำให้เราและธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น แต่การจะเปลี่ยนบ้านที่เราอยู่ปัจจุบันให้ไปถึงระดับนั้นต่างมีข้อจำกัดมากมายและต้องใช้งบประมาณสูง เราจึงอยากหยิบเทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดค่าไฟบ้านมาฝากกัน เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED บ้านหลาย ๆ หลังมักจะชินกับการใช้หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ หรือ หลอดตะเกียบ เพราะมีราคาค่อนข้างถูก หาซื้อง่าย และอายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน แต่ข้อเสียของหลอดตะเกียบก็คือมันกินไฟค่อนข้างเยอะ ทำให้มีการพัฒนาหลอด LED ซึ่งมีกำลังวัตต์น้อยกว่ามาก ตัวหลอดร้อนยากกว่า และอายุการใช้งานนานกว่า ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายได้มากยิ่งขึ้น เปลี่ยนตำแหน่งการวางตู้เย็น ตำแหน่งการวางตู้เย็นที่เหมาะสมก็สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้เช่นกัน โดยเราควรวางตู้เย็นในตำแหน่งที่มีอากาศถ่ายเท หลีกเลี่ยงให้ไม่โดนแสงแดดหรือความร้อนโดยตรง ไม่วางตู้เย็นใกล้กับเครื่องมือให้ความร้อนเช่น เตาแก๊ส หรือ เตาอบ  ควรจัดตำแหน่งของตู้เย็นให้มีระยะห่างจากฝ้าเพดานอย่างน้อย 30 ซม. ด้านข้างห่างจากกำแพงห้องอย่างน้อย 5 ซม. และด้านหลังห่างจากผนังอย่างน้อย 10-20 ซม. เพื่อให้ตู้เย็นสามารถระบายความร้อนได้สะดวก นอกจากนี้เราควรแยกปลั๊กไฟที่ใช้เสียบปลั๊กตู้เย็นออกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรด้วย เปลี่ยนมาใช้ผ้าม่านกันแสง ความร้อนภายในบ้านคือส่วนหนึ่งที่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลาย ๆ ชิ้นต้องทำงานหนักยิ่งขึ้น การเปลี่ยนมาใช้ผ้าม่านกันแสงนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดอุณหภูมิของบ้านได้ โดยผ้าม่านกันแสงมีคุณสมบัติเพื่อกันแสงแดด แสง UV และความร้อนที่ส่องเข้ามาในบ้านของเรา โดยสามารถกันแสงแดดได้ตั้งแต่ […]

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save