ไม่ว่าใครก็อยากทำให้บ้านหอมอยู่เสมอ เพราะมันไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่สดชื่นเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพและบรรยากาศโดยรวมของบ้านอีกด้วย กลิ่นที่หอมสามารถกระตุ้นความทรงจำดีๆ ในสถานที่ที่เคยไป โดยเฉพาะโรงแรมที่มักมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว อันเกิดจากการดูแลสิ่งแวดล้อมและระบบภายในอย่างพิถีพิถันในบทความนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจสาเหตุของกลิ่นอับ และแชร์ 10 เคล็ดลับบ้านหอม ให้เหมือนอยู่ในโรงแรมหรู
บ้านเหม็นอับ มีกลิ่นอับ เกิดจากอะไรได้บ้าง?
ก่อนจะเปลี่ยนบรรยากาศให้กลายเป็นบ้านหอม ต้องเข้าใจถึงสาเหตุสำคัญของการเกิดกลิ่นซะก่อน ซึ่งจริง ๆ แล้วกลิ่นอับเกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ เช่น ความชื้น เชื้อรา ซึ่งมักเกิดจากปัจจัยรอบตัวในชีวิตประจำวัน ได้แก่
1. ความชื้นสะสม
เมื่ออากาศถ่ายเทไม่สะดวก ความชื้นจากปัจจัยรอบตัว เช่น การซักผ้า ใช้ห้องน้ำ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ภายในบ้าน จะกลายเป็นแหล่งเชื้อราที่ทำให้เกิดกลิ่นอับที่ไม่พึงประสงค์
2. การระบายอากาศไม่ดี
ลักษณะของบ้านที่ปิดทึบ แสงผ่านได้น้อย ไม่ค่อยเปิดหน้าต่าง หรือไม่มีพัดลมดูดอากาศ มักทำให้กลิ่นค้างอยู่ภายใน ระบายได้ไม่ค่อยดี
3. ระบบปรับอากาศ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไม่ได้คือเรื่องของแอร์ เพราะแอร์ที่ไม่ได้ล้างหรือบำรุงรักษา จะเกิดการสะสมของเชื้อราและฝุ่น ส่งผลให้มีกลิ่นอับทุกครั้งที่เปิดใช้งาน
4. กลิ่นจากการทำอาหาร
การทำครัวสำหรับคนไทยมักเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะอาหารที่ใช้น้ำมันหรือเครื่องเทศแรง ๆ หากไม่มีการทำความสะอาดในทันที หรือระบายออกอย่างเหมาะสม กลิ่นจะติดตามพื้นผิวบ้าน
5. เฟอร์นิเจอร์และพรม
กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนผสมของผ้า เช่น สิ่งทอ โซฟา ผ้าม่าน พรม มักมีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นที่ง่าย หากไม่ได้ทำความสะอาดอย่างเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นต้นตอกลิ่นอันไม่พึงประสงค์
แชร์ 10 เคล็ดลับบ้านหอม เหมือนอยู่ในโรงแรมหรู
อยากทำให้บ้านหอมเหมือนอยู่ในโรงแรมหรูไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แค่ขอให้เข้าใจถึงสาเหตุสำคัญของกลิ่นและดูแลบ้านให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง! ต่อไปนี้คือ 10 เคล็ดลับที่ทั้งโรงแรมและบ้านทั่วไปสามารถทำตามได้
1. ใช้กลิ่นอโรมาธรรมชาติ
เลือกใช้กลิ่นจากก้านไม้หอม น้ำมันหอมระเหย หรือเทียนหอมที่ช่วยเปลี่ยนกลิ่นภายในบ้านให้ดูสดชื่นและเป็นธรรมชาติ โดยกลิ่นที่นิยมจะเป็นลาเวนเดอร์ เลมอน และยูคาลิปตัส เป็นต้น
2. ดูแลเฟอร์นิเจอร์และพรม
พยายามให้ความสำคัญกับการซักผ้าม่าน ปัดฝุ่นโซฟา และทำความสะอาดพรมอยู่เป็นประจำ เพราะกลิ่นมักสะสมอยู่ในผ้าได้เป็นอย่างดี
3. ซักผ้าและตากให้แห้งสนิท
สำหรับใครที่ชอบซักผ้าตอนกลางคืน เสื้อผ้าที่ตากในที่อับชื้นอาจส่งกลิ่นอับเข้าไปในห้อง ดังนั้นขอแนะนำให้ตากในที่ที่มีแดดหรือใช้เครื่องอบผ้าให้แห้ง
4. ใช้เครื่องฟอกอากาศ
อีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญที่ทั้งง่ายและคุ้มค่าสุด ๆ คือการใช้เทคโนโลยีฟอกอากาศที่สามารถกำจัดฝุ่น เชื้อรา และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่งจะทำให้ห้องเหมือนถ่ายเทอากาศอยู่ตลอดเวลา
5. เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท
พยายามเปิดหน้าต่างเพื่อรับอากาศเข้ามาใหม่อยู่เป็นประจำ เพราะอากาศที่ไหลเวียนจะช่วยขับกลิ่นอับและนำความสดชื่นเข้ามาในบ้าน
6. ทำความสะอาดห้องน้ำอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากพรมหรือเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านแล้ว ก็ควรทำความสะอาดห้องน้ำอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดนแนะนำให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อและเปิดพัดลมดูดอากาศเพื่อไม่ให้ความชื้นกลายเป็นกลิ่นอับ
7. แอร์ที่ดูแลระบบกลิ่นโดยเฉพาะ
นอกจากเครื่องฟอกอากาศแล้ว คุณยังสามารถเลือกใช้เลือกแอร์ที่มีฟังก์ชันลดกลิ่นอับ ซึ่งจะช่วยให้บ้านมีกลิ่นหอมและรู้สึกถึงอากาศที่เฟรซอยู่ตลอดเวลา
8. ใช้ดอกไม้สดหรือใบไม้หอม
การใช้ดอกไม้สดที่มาจากธรรมชาติ ก็ช่วยเพิ่มความสดชื่นและกลิ่นหอมภายในบ้านได้เช่นกัน อย่างยูคาลิปตัส กุหลาบ หรือมะลิ เป็นต้น
9. วางถ่านไม้ไผ่หรือเบกกิ้งโซดา
ถ่านและเบกกิ้งโซดาเป็นสารที่มีคุณสมบัติดูดซับกลิ่นอับได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับวางในตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ หรือมุมที่อับต่าง ๆ ภายในบ้าน
10. จัดการกลิ่นอาหาร
เพราะเรื่องของอาหารไม่ได้อยู่แค่ภายในห้องครัวเท่านั้น พยายามทิ้งเศษอาหารทันทีหลังจากรับประทานเสร็จ และระหว่างทานอาหารอาจพยายามเปิดหน้าต่าง หรือใช้แอร์ที่มีระบบจำการกลิ่นภายในตัว
แคเรียร์แนะนำแอร์ ฟีเจอร์เด่น Self-Cleaning ทำความสะอาดตัวเอง ลดกลิ่นเหม็นอับ
หนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่จะช่วยให้บ้านหอมอยู่เสมอ คือระบบปรับอากาศรุ่นใหม่ที่มีฟังก์ชัน Self-Cleaning ซึ่งสามารถทำความสะอาดตัวเองได้แบบอัตโนมัติ และยังลดสาเหตุหลักของการเกิดกลิ่นอับอย่างเชื้อรา ความชื้น และฝุ่นได้อีกด้วย แอร์ Carrier XInverter Plus 2025 คือหนึ่งในนวัตกรรมสำหรับการลดกลิ่นอับที่ดีที่สุด เพราะมีระบบที่ทำให้เครื่องแห้งและสะอาดอยู่เสมอ เพิ่มความสดชื่นให้ห้อง และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการล้างแอร์บ่อยๆ อีกด้วย
สรุปเคล็ดลับบ้านหอม
อยากบ้านหอมเหมือนอยู่ในโรงแรมไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเลือกใช้วิธีการแก้ไขที่เป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กลิ่นจากธรรมชาติ การดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งการใช้แอร์ที่มีเทคโนโลยี Self-Cleaning ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นวิธีที่ช่วยลดสาเหตุของการเกิดกลิ่น เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย ความชื้น และฝุ่น เพราะการลงมือทำเพียงเล็กน้อยในทุก ๆ วัน จะเปลี่ยนบรรยากาศในบ้านให้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่สร้างความผ่อนคลายให้กับคนในบ้าน