เครื่องปรับอากาศของคุณถึงจุดที่จะต้องเปลี่ยนใหม่แล้วหรือยัง?
เมื่อถึงเวลาเปลี่ยน มักเป็นเรื่องยากที่ต้องตัดสินใจ ว่าตอนไหนเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการละทิ้งสิ่งเก่าและเปิดต้อนรับสิ่งใหม่ ๆ เครื่องปรับอากาศก็เป็นอีกเรื่องที่หลายคนสงสัย และเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าควรเปลี่ยนตอนไหนถึงจะดีที่สุด แคเรียร์ชวนคิดกับ 5 สัญญาณเตือนที่ให้คุณได้ตั้งคำถามกับตัวเองและทำความเข้าใจว่าคุณควรจะเปลี่ยนแอร์เครื่องใหม่หรือควรใช้แอร์เครื่องเดิมต่อไปอีกสัก 2-3 ปี
5 สัญญาณเตือนที่ควรพิจารณาว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแอร์ใหม่
1. อายุการใช้งานของแอร์
โดยปกติแล้วแอร์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 10-15 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคลด้วย ทั้งความถี่ในการเปิดแอร์ การบำรุงรักษา รวมไปถึงยี่ห้อและรุ่นของแอร์ที่คุณกำลังใช้อยู่ เมื่อเวลาผ่านไปชิ้นส่วนต่าง ๆ ของแอร์ก็เริ่มเสื่อมสภาพลง ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงเรื่อย ๆ ดังนั้น หากแอร์ที่บ้านใครมีอายุการใช้งานเกิน 10 ปีขึ้นไป ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ แล้ว ควรจะเปลี่ยนใหม่เพราะหากทนซ่อมใช้ต่อไปก็คงไม่คุ้มค่าเงิน
2. แอร์กินไฟมากเกินไป
สังเกตการทำงานแอร์ของคุณในแต่ละเดือน โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศข้างนอกไม่ได้ร้อนจัด แต่ค่าไฟยังคงพุ่งขึ้นผิดปกติทั้ง ๆ ที่มีการใช้งานแอร์เท่าเดิม นั่นแสดงว่าแอร์ของคุณเริ่มกินไฟเกินกว่าปกติแล้ว หากคุณเห็นว่าค่าไฟที่คุณต้องจ่ายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ การเปลี่ยนแอร์ตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ประหยัดพลังงานได้มากกว่า และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ถือเป็นทางเลือกที่ดีและคุ้มค่า อาจดูเหมือนเป็นการลงทุนในหน่วยที่แพง แต่ท้ายที่สุดแล้วจะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้ในระยะยาว
3. คอมเพรสเซอร์เริ่มผุพัง
คอมเพรสเซอร์หรือคอยล์ร้อนที่ติดตั้งอยู่ข้างนอกบ้านของคุณ หากพบว่ามีการผุพัง หรือผุกร่อน เพราะต้องเจอทั้งแดด ทั้งฟ้าฝน สภาพอากาศต่าง ๆ ที่ทำให้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ชำรุด ส่งผลให้แอร์เกิดความเสียหาย แม้ว่าจะเป็นไปได้ที่จ้างช่างหรือผู้เชี่ยวชาญมาจัดการซ่อมแซม แต่หากมีการซ่อมอยู่บ่อยครั้ง สักวันก็คงต้องเสื่อมสภาพลงอยู่ดี และทีสำคัญอาจจะพ่วงมาด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของคอมเพรสเซอร์และขอบเขตของปัญหา แต่เมื่อมีต้นทุนการซ่อมบำรุงที่คุณเห็นว่าสูงเกินไป นั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่คุณควรเปลี่ยนแอร์ใหม่มากกว่าการทนซ่อมเครื่องเดิม
4. แอร์เริ่มไม่เย็น
อีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกถึงแอร์เริ่มเก่าหรือมีชิ้นส่วนผุพัง ใกล้หมดกำลังการทำงานลงเรื่อย ๆ นั่นคือการที่แอร์ของคุณไม่เย็น ข้อสังเกตง่าย ๆ คือ เมื่อเราเริ่มเปิดแอร์ไปได้สักพักแล้วแอร์ยังไม่ให้ความเย็นเหมือนแต่ก่อน แม้ว่าจะมีการตามช่างมาซ่อม ล้าง หรือเติมน้ำยาแอร์ก็แล้ว จนเห็นได้ชัดว่าค่าใช้จ่ายในการเรียกช่างมาซ่อมแต่ละครั้งมากจนเกือบจะซื้อแอร์ตัวใหม่ได้เลย อย่าลังเลที่จะเลือกเปลี่ยนแอร์ใหม่ เพราะหากคุณฝืนทนใช้งานต่อไปค่าใช้จ่ายของคุณจะไม่มีวันสิ้นสุดอย่างแน่นอน
5. ซ่อมแอร์บ่อย
พิจารณาว่าแอร์ของคุณต้องซ่อมบ่อยหรือไม่ หากคำตอบคือ “ใช่” คุณควรตัดสินใจเปลี่ยนแอร์ใหม่ได้ทันที เพราะโดยปกติแล้วแอร์จะไม่ค่อยมีปัญหาหรือเสียง่าย แต่เมื่อไหร่ที่แอร์เริ่มต้องซ่อมแซมอยู่บ่อย ๆ และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นการบอกถึงว่าแอร์ของคุณกำลังป่วยหนัก การเปลี่ยนแอร์เครื่องใหม่อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการทนซ่อมแซมจนเสียเงินเกินกว่าความจำเป็น
จากข้อมูลข้างต้นคุณสามารถประเมินได้แล้วว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแอร์ใหม่ได้หรือยัง เมื่อคุณเห็นว่าการซ่อมแอร์เก่ามักมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง การรับประกันการซ่อมที่สั้นกว่าการซื้อใหม่ และไม่ได้ให้ความคุ้มค่าในระยะยาว
หากคุณตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแอร์ใหม่ และกำลังมองหาทางเลือกที่น่าสนใจ อยากได้แอร์ที่ทั้งทน ทั้งคุ้ม แอร์แคเรียร์ Copper10 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คู่ควรกับคุณไม่น้อย เพราะขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ให้คุณใช้งานได้ยาวนานไม่ต้องกังวลเรื่องเปลี่ยนแอร์บ่อย ๆ เนื่องจากคอยล์ร้อนและคอยล์เย็นของแอร์ผลิตจากทองแดง COPPER COIL ทำให้แอร์มีประสิทธิภาพทนทานต่อการกัดกร่อน จากสภาพอากาศแวดล้อม ความร้อน และความดันสูง อีกทั้งยังง่ายต่อการซ่อมบำรุง เพราะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนคอยล์ออกทั้งแผงแต่สามารถเชื่อมรอยรั่วหรือซ่อมเป็นบางจุดได้ เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่ต้องปวดหัวกับปัญหาจุกจิกกวนใจ และประหยัดเวลา เมื่อพูดถึงเรื่องความคุ้มค่าก็ไม่น้อยหน้าใคร ๆ เพราะเป็นแอร์ระบบ INVERTER ควบคุมการปรับอากาศที่มีความคงที่ ทำให้เย็นสม่ำเสมอและประหยัดพลังงาน การรันตีความคุ้มค่าด้วยฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ให้คุณเซฟค่าใช้จ่ายได้มากกว่าที่เคย เลือกแอร์ที่ทน เลือกแอร์ที่คุ้ม ต้องเลือกแอร์แคเรียร์ Copper10 ตัวจริงเรื่องความทนทาน คุ้มค่า คุ้มราคา