คำนวนค่าไฟต้องทำยังไง? เรื่องที่หลายคนสงสัย
หากกล่าวถึงการคำนวณค่าไฟ ที่เป็นเรื่องไม่ง่ายนักต่อผู้ใช้งาน อย่างแรกเราจะต้องทราบก่อนว่าอัตราค่าไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นใช้ไฟมากน้อยเพียงใด เพราะยิ่งจำนวนวัตต์ที่มาก ยิ่งหมายความว่ามีการใช้ไฟมากไปด้วยตามจำนวนวัตต์ ซึ่งสามารถคำนวณค่าไฟได้ตามสูตรด้านล่างนี้
“กำลังไฟฟ้า (วัตต์ ) x จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้า ÷ 1000 x จำนวนชั่วโมงที่ใช้ใน 1 วัน = จำนวนหน่วยต่อวัน (ยูนิต)”
และถ้าหากพูดถึงการคำนวณค่าไฟของเครื่องปรับอากาศก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ สิ่งแรกคือเราต้องทราบก่อนว่าอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศต่อเครื่องนั้นมากน้อยเพียงใด ซึ่งอัตราการบริโภคไฟฟ้านั้นมีหน่วยเป็น วัตต์(w) และยิ่งจำนวนวัตต์มาก ยิ่งหมายความว่าเครื่องปรับอากาศเครื่องนั้นใช้ไฟฟ้ามากด้วย ดังนั้นสูตรการคำนวณค่าไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศจะสามารถคำนวณได้ตามสูตรด้านล่างนี้
“ค่าBTU ÷ ค่า SEER ÷ 1000 x ชั่วโมงการใช้งาน x จำนวนวันใช้งาน x ค่าไฟฟ้าต่อหน่วย”
ตัวอย่างการคำนวณค่าไฟของเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ XInverter Plus (รุ่น 2TVAB018-W-I) ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับการการันตีถึงความประหยัดไฟขั้นสุดด้วยฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 3 ดาว โดยสามารถคำนวณค่าไฟต่อปีของเครื่องปรับอากาศได้ตามสูตร ดังนี้
ขนาดแอร์ 18,000 BTU ÷ ค่า SEER 22.50 ÷ 1000 x 8 ชั่วโมงต่อวัน x 365 วัน x ค่าไฟฟ้า 3.96 บาท/หน่วย จะได้ค่าไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ XInverter Plus ต่อปีอยู่ที่ 9,251 บาท
และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างเครื่องปรับอากาศ Fixed Speed รุ่นอื่น ๆ ที่มีค่าไฟต่อปีอยู่ที่ 15,486 บาท แต่ในขณะที่ค่าไฟจากเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ XInverter Plus (รุ่น 2TVAB018-W-I) จะอยู่ที่ 9,251 บาทต่อปีเท่านั้น จึงทำให้ประหยัดค่าไฟมากกว่าถึง 6,235 บาท/ปีนั่นเอง*
แล้วจะต้องเลือกเครื่องปรับอากาศแบบไหนกันนะถึงประหยัดค่าไฟ?
1. เลือก BTU ที่เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่
ค่า BTU ของเครื่องปรับอากาศ ควรเลือกค่าที่เหมาะสมกับขนาดของห้อง เพราะถ้าหากเลือก BTU ที่ไม่เหมาะสมกับห้องก็จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อย่างเช่น ถ้าเลือกเครื่องปรับอากาศ BTU ต่ำเกินไปก็จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักเกินกำลัง หรือถ้าเลือก BTU สูงเกินไปเครื่องปรับอากาศก็จะตัดบ่อย ทำให้ต้องเริ่มการทำงานใหม่อยู่เรื่อย ๆ โดยการคำนวณ BTU สูตรคำนวณคือ “BTU = พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ตัวแปรความร้อน” และค่าตัวแปรความร้อนของห้องที่โดนความร้อนน้อย จะอยู่ที่ 800 – 850 ส่วนห้องที่โดนความร้อนมาก จะอยู่ที่ 900 – 1000 ถ้าคำนวณตามสูตรดังกล่าวก็จะได้ค่า BTU ของแอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว หรือสามารถคำนวณอัตโนมัติผ่านเว็บไซต์ของแคเรียร์ได้ที่
2. เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ติดดาว
เครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ติดดาว เป็นเครื่องปรับอากาศที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานตามมารตรฐานของ กฟผ.และกระทรวงพลังงานแล้วว่าประหยัดไฟ มั่นใจได้ ยิ่งดาวมากก็ยิ่งประหยัดไฟมาก
อย่างไรก็ตาม การคำนวณค่าไฟของเครื่องไฟฟ้าหรือแอร์แต่ละเครื่องจะถูกทำการคำนวณจากการเปิดแอร์ 8 ชม. ต่อวัน และแสดงอยู่บนฉลากประหยัดไฟ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับทราบและพิจารณาค่าไฟที่มากับอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นๆอย่างถูกต้อง
แคเรียร์ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศ เราได้พัฒนาให้เครื่องปรับอากาศแคเรียร์เป็นที่สุดแห่งความคุ้มค่า และประหยัดไฟ ด้วยเครื่องปรับอากาศสองรุ่นท็อปของเรา อย่างแคเรียร์ Color Smart และแคเรียร์ XInverter Plus ที่นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์แล้วยังได้รับการการันตีประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 3 ดาว พร้อมฟีเจอร์ที่จะทำให้คุณคลายกังวลเรื่องค่าไฟ เพราะสามารถเช็กค่าไฟได้ทันทีขณะที่กำลังใช้งานเครื่องปรับอากาศด้วย REALTIME POWER CONSUMPTION CHECK