การล้างแอร์เป็นสิ่งที่ทุกบ้านจำเป็นต้องทำ นอกจากจะเพื่อให้แอร์สะอาด ไม่มีสิ่งอุดตันแล้ว ยังทำให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยาวนานขึ้นอีกด้วย แต่คำถามก็คือ ต้องล้างแอร์แบบไหนถึงจะดีล่ะ หลายคนอาจจะคิดว่าการล้างแอร์นั้นจำเป็นต้องจ้างช่างมาทำให้ทุกครั้ง ซึ่งจริงๆแล้วการล้างแอร์นั้นสามารถทำได้หลายวิธี รวมถึงยังมีบางวิธีที่เราสามารถทำเองได้อีกด้วย แต่ระดับความสะอาดและระยะเวลาก็จะต่างกันออกไป
การล้างแอร์แบ่งออกเป็นหลายวิธี ซึ่งวิธีทั่วไปที่ช่างนิยมทำกันก็คือ การล้างด้วยน้ำแรงดันสูง เป็นการใช้ปั้มน้ำแรงดันสูงฉีดล้างทำความสะอาดตัวคอยล์เย็นด้านใน เพื่อเป็นการกำจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่เกาะอยู่ตามช่องระบายลมและแผงรังผึ้งแอร์ รวมถึงการล้างฟิลเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของแอร์ที่สามารถถอดออกมาล้างได้ และทำการเป่าหรือทิ้งไว้ให้แห้ง จากนั้นก็ทำการล้างทำความสะอาดคอนเดนเซอร์ตัวนอกที่อาจจะมีฝุ่นจับอยู่ตามใบพัด เพียงเท่านี้ก็จะทำให้แอร์สะอาดหมดจด และไม่มีเสียงดังรบกวนอีกด้วย ซึ่งวิธีนี้แนะนำให้ทำอย่างน้อย 1 ครั้งต่อ 6 เดือน หรือปีละ 2 ครั้ง
แต่ทั้งนี้เราสามารถดูได้จากการทำงานของแอร์ว่าติดขัดหรือมีฝุ่นเกาะมากน้อยแค่ไหนก็ได้เช่นกัน เนื่องจากการใช้งานและสถานที่ติดตั้งแอร์ของแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน หากแอร์เรามีฝุ่นเกาะจำนวนมากอย่างเห็นได้ชัด และปล่อยความเย็นได้น้อยลง เราก็อาจจะต้องจ้างช่างมาล้างแอร์ให้เร็วขึ้นก็เป็นได้
หากรู้สึกไม่อยากจ้างช่างมาล้างแอร์บ่อย ๆ ทุกครั้งที่แอร์ไม่เย็น แล้วเราสามารถล้างแอร์เองได้หรือไม่นั้น คำตอบคือได้ครับ
การถอดฟิลเตอร์ / แผ่นกรองฝุ่นออกมาทำความสะอาด
เราสามารถที่จะถอดฟิลเตอร์แอร์ หรือแผ่นกรองฝุ่นออกมาทำการล้างทำความสะอาด ตากไว้ให้แห้ง แล้วนำกลับมาติดใหม่ได้ การทำแบบนั้นจะทำให้ฝุ่นที่เกาะขวางทางเดินของลมหลุดออกไป แอร์ก็จะสามารถปล่อยความเย็นออกมาได้อย่างเต็มที่
การใช้สเปรย์ล้างคอยล์เย็น
หรืออีกวิธีหนึ่งคือการซื้อสเปรย์ล้างคอยล์เย็นที่เป็นโฟมมาฉีดพ่นให้ทั่ว และพรมน้ำสะอาดตามจนกว่าฟองซึมเข้าไปข้างในได้หมด แอร์ของเราก็จะสะอาดเข้าไปถือข้างในและปล่อยลมออกมาได้เย็นขึ้น
การถอดอุปกรณ์และชิ้นส่วนที่ถอดได้มาล้าง
แต่ทั้งสองวิธีข้างต้นเป็นเพียงการทำความสะอาดแอร์ที่ได้ผลแค่ชั่วคราว เพื่อยืดระยะเวลาในการล้างแอร์ออกไปเท่านั้น เพราะถึงแม้จะมีวิธีที่สามารถถอดอุปกรณ์ต่างๆของแอร์ออกมาล้างทำความสะอาดด้วยตัวเองได้ แต่วิธีนี้ก็จำเป็นต้องมีความชำนาญและความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการทำงานของแอร์พอสมควร มิเช่นนั้นอาจจะทำให้ชิ้นส่วนบางอย่างเสียหายได้เช่นกัน
สรุปก็คือ เราสามารถทำความสะอาดแอร์ด้วยตัวเองได้ แต่ระยะเวลาและระดับของความสะอาดจากการทำแต่ละวิธีจะไม่เท่ากับการล้างแอร์ด้วยปั้มน้ำแรงดันสูงที่จะเป็นการล้างแอร์แบบทั่วถึงทุกซอกทุกมุม จึงทำให้แอร์มีประสิทธิภาพที่ดียาวนานขึ้น และเราจะไม่ต้องหายใจเอาฝุ่นและสิ่งสกปรกที่อาจลอยมากับลมแอร์เข้าสู่ร่างกายอีกด้วย