หลายคนอาจเคยพบปัญหาเรื่องแอร์ไม่เย็น หรือเย็นช้า จนทำให้รู้สึกไม่สบายตัว หรือทำให้หลับยากในเวลากลางคืน ซึ่งหนึ่งในตัวช่วยสำคัญของการเลือกติดแอร์ห้องนอนก็คือค่า BTU นั่นเอง เพราะนอกจากการเลือกแอร์ที่มี BTU ที่เหมาะสมกับพื้นที่ในห้องจะช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่ทำงานหนักจนเปลืองค่าไฟ แถมช่วยให้คนที่อยู่ในห้องรู้สึกสบายมากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องตื่นกลางดึก เพราะห้องมีอุณหภูมิอุ่นเกินไป
ทำความรู้จักค่า BTU คืออะไร
ตัวย่อ BTU ย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit หรือหน่วยวัดปริมาณความสามารถในการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศภายใน 1 ชั่วโมง ที่แน่นอนว่าค่า BTU ยิ่งสูงเท่าไหร่ จะทำให้แอร์สามารถเพิ่มค่าความเย็นได้ดียิ่งขึ้น แต่ไม่ใช่ว่า การเลือกติดแอร์ห้องนอนที่มี BTU เยอะจะเป็นผลดีเสมอไป เพราะการเลือกขนาดแอร์ที่เหมาะกับพื้นที่ในห้องก็เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากการเลือก BTU ที่สูงหรือต่ำเกินไป จะทำให้แอร์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จนอาจจะทำงานหนักเกินไปหรือเปลืองไฟมากเกินไป เช่นเดียวกับลดอายุการใช้งานโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะด้วยความชื้นสะสมหรือคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อยจนเสื่อมสภาพเร็วได้เช่นกัน
แอร์แต่ละ BTU เหมาะกับห้องนอนขนาดเท่าไร
สำหรับใครที่สงสัยเกี่ยวกับขนาดห้องนอนว่าจะเหมาะกับค่า BTU ของแอร์ที่เท่าไหร่ เราต้องมาดูพื้นที่ในห้องกันเสียก่อน โดยหลัก ๆ จะมาจากสูตรคำนวณ “พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ตัวแปร” แล้วเลือกแอร์ที่มี BTU สูงกว่าผลลัพธ์นั่นเอง ซึ่งเราสามารถเลือกแอร์จากขนาดห้องคร่าว ๆ ได้ดังนี้
แอร์ 9,000 BTU เหมาะกับห้องนอนขนาด 9 -15 ตร.ม.
แอร์ 12,000 BTU เหมาะกับห้องนอนขนาด 12 – 20 ตร.ม.
แอร์ 15,000 BTU เหมาะกับห้องนอนขนาด 15 – 25 ตร.ม.
แน่นอนว่า โดยส่วนใหญ่แล้ว ห้องนอนมักจะอยู่ที่ขนาดไม่เกิน 9-15 ตร.ม. ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือคอนโดมิเนียมก็ตาม แต่เทรนด์ปัจจุบันของห้องนอนที่เริ่มขยายให้เป็นห้องสำหรับครอบครัวมากขึ้นก็เป็นเหตุผลให้ หลายคนจำเป็นต้องหันมาเลือกใช้แอร์ตัวใหญ่กว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นห้องแบบ Master Bedroom หรือห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่อย่าง Walk-In Closet ในตัว
ใช้สูตรคำนวณหา BTU ที่เหมาะสมกับขนาดห้อง
แน่นอนว่า แค่พื้นที่คร่าว ๆ อาจจะยังไม่เพียงพอต่อการเลือกซื้อแอร์ที่มีค่า BTU ตามขนาดจริง เราก็มีสูตรง่าย ๆ มาให้คำนวณกันดูก่อนที่จะเลือกซื้อแอร์สักตัว
BTU = พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ตัวแปร
โดยห้องนอนส่วนใหญ่จะมีค่าตัวแปรอยู่ประมาณ 900 ถ้าหากห้องของเรามีพื้นที่ 9 ตร.ม.
เราจะใช้สูตรคำนวณเป็น 9 x 900 = 8,100
หรือแปลว่า เราต้องเลือกใช้แอร์ที่มีขนาดไม่ต่ำกว่า 8,100 BTU นั่นเอง แต่ถ้าหากห้องนอนของเรามีแสงแดดเข้าหรือมีหน้าต่างก็จำเป็นจะต้องเพิ่มผลลัพธ์อีก 1,000 เพื่อให้ได้ขนาดแอร์ที่เหมาะสม
พื้นที่ห้องนอนขนาด 9 ตร.ม. และมีแสงแดดเข้ามาในช่วงกลางวัน
เราจะใช้สูตรคำนวณเป็น 9 x 900 + 1,000 = 9,100
หรือหมายความว่า ต้องใช้แอร์ขนาดตั้งแต่ 9100 BTU ขึ้นไปก็จะทำงานได้มีประสิทธิภาพที่สุด
แนะนำแอร์แคเรียร์ เหมาะกับห้องนอน เย็นเร็ว ไม่ร้อนระหว่างคืน
หากใครที่กำลังตัดสินใจติดแอร์ในห้องนอน ก็คงจะต้องเลือกแอร์จากแบรนด์ชั้นนำหรือดูฟังก์ชั่นต่าง ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งปัจจุบันแคเรียร์ก็พัฒนาเครื่องปรับอากาศหลากหลายสไตล์ที่เหมาะกับการใช้งานในห้องนอน ที่ทั้งเย็นเร็วและมีความล้ำสมัยมากขึ้นอีกด้วย
1. XInverter Plus
หนึ่งในแอร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่เน้นความสะอาดและมีระบบทำความสะอาด Self Cleaning ที่ช่วยให้คอยล์เย็นทำงานได้มีประสิทธิภาพ ควบคุมความเย็นผ่านแอพพลิเคชั่น Carrier In The Air หรือจะสั่งงานผ่าน Smart Home Hub ก็ทำได้อย่างสบาย ๆ รวมถึงกระจายลมได้ถึง 4 ทิศและส่งลมเย็นได้ไกลกว่าเดิม นอกจากนี้ยังการันตีเรื่องประหยัดพลังงานด้วยฉลากเบอร์ 5 และได้รับดาวสูงสุดที่ 5 ดาว ส่วนเรื่องดีไซน์ก็หายห่วงด้วยการเลือกสีได้ทั้งสีเขียว, สีชมพู, สีขาว, สีดำ และสีส้ม
2. Copper 11
ใครที่กำลังมองหาแอร์ที่ทนทานกับสภาพอากาศ ก็ต้องลองพิจารณา Copper 11 ที่เน้นการควบคุมอุณหภูมิได้ง่าย รวมถึงใช้แอพพลิเคชั่นอย่าง Carrier In The Air ที่ตั้งค่าจากที่ไหนก็ได้ส่วนใครที่กังวลเรื่องค่าไฟก็สามารถเปิดเช็คได้ผ่านแอพได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นรายปี รายเดือน รายสัปดาห์ หรือรายชั่วโมง นอกจากนี้ยังเป็นระบบ Inverter ที่ช่วยให้แอร์ทำงานแบบไม่มีเสียงดังรบกวน เย็นต่อเนื่องและมีระยะเวลารับประกันที่ยาวนานอีกด้วย
3. Color Smart
ในยุคที่มีคนหันมาสนใจตกแต่งห้องเพื่อบอกตัวตนกันมากขึ้น ทาง Carrier ก็ไม่พลาดที่จะเปิดตัวแอร์ที่เน้นดีไซน์ด้วยสี 4 โทน 4 สไตล์ แถมยังมีหน้ากากให้เปลี่ยนมากกว่า 40 แบบ ไม่ว่าจะเป็นโทนสดใสแบบ Joyful, โทนสบาย ๆ เน้นความอบอุ่นแบบ Cozy, โทนผ่อนคลายเหมาะกับการพักผ่อนแบบ Peaceful หรือโทน Mystery เพิ่มความน่าค้นหาและมิติให้กับห้องนอนมากขึ้น ส่วนเรื่องความเย็นก็ไม่ต้องห่วง เพราะรุ่นนี้มีฟีเจอร์ปรับอุณหภูมิผ่านแอพพลิเคชั่นหรือจะเช็คปัญหาก็ทำได้ทันที
สรุปติดแอร์ห้องนอน กี่ BTU ถึงเย็นฉ่ำ เย็นเร็ว
อ่านมาถึงตรงนี้ก็น่าจะหมดข้อสงสัยกันแล้ว หากใครที่กำลังจะติดแอร์ในห้องนอนก็สามารถวัดขนาดพื้นที่ไปคำนวณเพื่อหา BTU ที่เหมาะสม เพื่อให้แอร์เย็นฉ่ำทั้งคืนแบบไม่ต้องหงุดหงิดกลางดึก แถมทางแคเรียร์ยังมีตัวเลือกไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ใหม่ๆ ที่เข้ากับห้องนอน หรือจะเป็นแอพพลิเคชั่นที่เพิ่มความสะดวกต่อการใช้งาน เช่นเดียวกับการออกแบบช่องลมที่ทรงพลัง หมดปัญหาสำหรับคนขี้ร้อนอย่างแน่นอน