เคยรู้สึกไหมว่าทำไมเปิดแอร์แล้วแอร์ไม่เย็น หรือเย็นน้อยลงผิดปกติ พอตรวจดูคอมเพรสเซอร์ก็ทำงานไม่หยุด แถมยังมีเสียงลมฉีดออกมาอีก อาการแบบนี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาน้ำยาแอร์รั่วที่คุณต้องรีบแก้ไข เพราะเป็นสภาวะที่สารทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศรั่วไหลออกจากระบบ อาจสร้างความเสียหายให้กับแอร์ของคุณได้ในระยะยาว ในบทความนี้เราจะมาดูวิธีสังเกตอาการน้ำยาแอร์รั่วง่ายๆ ด้วยตัวเอง ค้นหาสาเหตุ น้ำยาแอร์รั่ว เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่ พร้อมแนะนำวิธีการแก้ไขที่เหมาะสมที่สุด ไม่อยากเสียเงินซื้อแอร์ใหม่ ศึกษาต่อได้ที่นี่เลย!
วิธีสังเกตอาการน้ำยาแอร์รั่ว มีอาการอย่างไร
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าน้ำยาแอร์รั่ว? เราได้นำ 7 วิธีสังเกตว่าน้ำยาแอร์อาจรั่วเบื้องต้นง่ายๆ ด้วยตัวเองมาฝากกัน
- แอร์ทำงานปกติแต่ลมที่เป่าออกมาในห้องเป็นลมธรรมดา
การที่แอร์ทำงานเป็นปกติทั้งด้านใน และด้านนอกแต่ลมที่เป่าออกมาเป็นลมธรรมดา หรือมีความเย็นเพียงเล็กน้อย แสดงว่าน้ำยาแอร์มีไม่เพียงพอต่อการทำความเย็น อาจเป็นสัญญาณแรกของอาการน้ำยาแอร์รั่ว - เปิดแอร์แล้วแอร์ไม่เย็น หรือเย็นน้อยลงผิดปกติ
หากรู้สึกว่าเปิดแอร์แล้วแอร์ไม่เย็นให้ลองปรับอุณหภูมิไปที่อุณหภูมิต่ำสุด (หรือประมาณ 16 องศาเซลเซียส) จากนั้นให้ลองสังเกตว่าอุณหภูมิของห้องเย็นขึ้นไหม? ถ้ารู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น หรืออุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงเลย แสดงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว - คอมเพรสเซอร์มีการทำงานตลอดเวลา ไม่ตัดการทำงานเลยในช่วงวัน
การที่คอมเพรสเซอร์ทำงานอยู่ตลอดเวลา แสดงว่าอุณหภูมิยังไม่ถึงจุดที่กำหนดไว้ นั่นอาจแสดงให้เห็นว่าอาจมีน้ำยาแอร์รั่ว อาจมีน้ำยาแอร์ไม่เพียงพอจนไม่สามารถทำให้อากาศเย็นลงได้ - มีน้ำแข็งเกาะที่คอยล์เย็น (Evaporator) หรือท่อแอร์
หากสังเกตเห็นน้ำแข็งเกาะที่คอยล์เย็น หรือท่อทองแดงของเครื่องปรับอากาศ อาจเป็นสัญญาณความผิดปกติของแอร์ได้หลายปัจจัย หนึ่งในปัญหาที่พบเจอได้บ่อย คือ น้ำยาแอร์รั่ว เมื่อน้ำยาแอร์มีไม่เพียงพอ การแลกเปลี่ยนความร้อนไม่สมดุลย์ ทำให้ก่อตัวเป็นน้ำแข็งได้ - มีน้ำหยดจากเครื่องปรับอากาศในจุดที่ไม่ควรหยด
การมีน้ำหยดจากแอร์ในจุดที่ไม่ควรหยดอาจเป็นรูรั่วของน้ำยาแอร์ได้ ทั้งนี้น้ำหยดจากแอร์ในจุดที่ไม่ควรหยดทุกอาการ เป็นสัญญาณของความผิดปกติของแอร์ ควรเรียกช่างมาตรวจเช็คโดยเร็วที่สุด
- แอร์มีเสียงดังชัดเจนบริเวณตำแหน่งคอนเดนเซอร์ (Condenser)
การที่แอร์มีเสียงดังเหมือนลมฉีดออกมา อาจเป็นเสียงที่เกิดขึ้นจากจุดที่น้ำยาแอร์รั่ว หรือมีแรงดันผิดปกติ - ค่าไฟพุ่งสูงขึ้นมากกว่าปกติ
แน่นอนว่าการที่ คอมเพรสเซอร์พยายามทำความเย็นตลอดเวลาก็จะทำให้มีการใช้พลังงานมากขึ้น เมื่อมีการใช้พลังงานมากขึ้นค่าไฟจึงสูงขึ้นด้วยนั่นเอง
หากคุณพบเจออาการน้ำยาแอร์รั่วเหล่านี้ ควรรีบปิดแอร์โดยทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในระบบของแอร์ จากนั้นให้เรียกช่างเข้ามาตรวจสอบเพื่อซ่อมแซมจุดที่รั่วก่อน
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ น้ำยาแอร์รั่ว
น้ำยาแอร์รั่ว คือ สภาวะที่สารทำความเย็น หรือน้ำยาแอร์ เกิดการรั่วไหลออกจากระบบของเครื่องปรับอากาศ ส่งผลให้แอร์ไม่เย็น คอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก และใช้พลังงานเยอะมากขึ้น โดยมีสาเหตุมาจาก
- แอร์มีอายุการใช้งานนานจนเกินไป
อย่างที่ทราบกันดีว่าอายุการใช้งานของแอร์จะอยู่ที่ประมาณ 10-15 ปี แอร์ที่มีอายุการใช้งานนานมากกว่านี้อาจทำให้อุปกรณ์ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบต่างๆ ภายในเครื่องเกิดความเสื่อมสภาพ เป็นสนิม และชำรุดเสียหายได้ ทำให้มีโอกาสที่น้ำยาแอร์เกิดการรั่วไหล หรือซึมออกมานอกระบบได้ง่ายมากขึ้น
2. การติดตั้งแอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
การติดตั้งแอร์จำเป็นที่จะต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง ความเชี่ยวชาญ และเทคนิคต่างๆ ตามมาตรฐาน หากมีการติดตั้งแบบผิดๆ หรือไม่เหมาะสม เช่น ปรับแรงดันน้ำยาแอร์เกินมาตรฐาน ซ่อมบำรุงไม่ถูกวิธี อาจเป็นต้นเหตุของปัญหาน้ำยาแอร์รั่ว และปัญหาอื่นๆ ได้
น้ำยาแอร์รั่วอันตรายหรือไม่
“น้ำยาแอร์” คือ สารเคมีหลักที่เครื่องปรับอากาศใช้ดูดซับความร้อนของอุณหภูมิห้อง และระบายออกไป โดยทั่วไปแล้วจะใช้สารทำความเย็นชนิด R22, R32 และ R410a ซึ่งเป็นสารเคมีที่ไม่มีกลิ่น หรือมีกลิ่นจางๆ ไม่มีสี (ใส) และไม่มีฤทธิ์ในการกัดกร่อนโลหะ ถึงแม้ว่าน้ำยาแอร์จะดูปลอดภัยแต่ก็ยังเป็นสารเคมีที่ต้องใช้ความระมัดระวังอยู่ดี น้ำยาแอร์รั่วจึงอาจเป็นอันตรายได้ในหลายระดับ ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำยาแอร์ที่รั่ว ปริมาณ และสภาพแวดล้อม เช่น หากสูดดมในปริมาณมากอาจเกิดอาการหายใจติดขัด หากปล่อยให้รั่วไปเรื่อยๆ แอร์อาจพัง และเปลืองไฟ เป็นต้น
วิธีแก้ไขน้ำยาแอร์รั่ว
เราควรทำอย่างไรหากพบเจอปัญหา “น้ำยาแอร์รั่ว”
- เรียกช่างมาตรวจสอบรอยรั่วเพื่อทำการซ่อมแซมจุดที่รั่วก่อน
จากนั้นจึงทำการล้างแอร์ และเติมน้ำยาใหม่ให้เหมาะสม ซึ่งจะต้องอาศัยการดำเนินการโดยช่างผู้เชี่ยวชาญในการถอดชิ้นส่วนต่างๆ ออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด และทำการล้างแอร์ให้สะอาด - หมั่นดูแลรักษาความสะอาดแอร์สม่ำเสมอ
เมื่อใช้งานแอร์ไปช่วงระยะหนึ่ง ควรทำการตรวจเช็ค ดูแล และทำความสะอาดสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้งเพื่อให้แอร์ทำงานเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการตรวจสอบอุปกรณ์ว่ายังอยู่ในสภาพที่ดีได้ด้วย
สรุปปัญหาน้ำยาแอร์รั่ว
ปัญหาน้ำยาแอร์รั่วที่ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตราย แต่ก็สามารถส่งผลกระทบและผลเสียได้ในหลายระดับ ดังนั้นพบว่าคุณกำลังเผชิญปัญหาน้ำยาแอร์รั่วอยู่ ควรจะเรียกช่างมาตรวจเช็คโดยเร็วที่สุด หลังจากการตรวจเช็ค และซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมตรวจสอบและดูแลรักษาความสะอาดแอร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องปรับอากาศ รวมทั้งยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากยิ่งขึ้นด้วย