ติดต่อเรา

เตรียมแอร์ยังไงเมื่อบ้านเสี่ยงน้ำท่วม !?

เตรียมแอร์ยังไงเมื่อบ้านเสี่ยงน้ำท่วม

ฤดูฝนมาเยือนทีไร เป็นอันต้องตื่นเต้นทุกทีเพราะไม่รู้ว่าฝนตกแรงติดต่อกันแบบนี้จะทำให้น้ำท่วมหรือไม่ ยิ่งถ้าหากเป็นพื้นที่ที่เสี่ยงจะเกิดอุทกภัยได้ง่าย ยิ่งน่าเป็นห่วงเข้าเป็นใหญ่ วันนี้แคเรียร์มีวิธีเตรียมแอร์ให้พร้อมรับมือเมื่อต้องเจอเหตุการณ์น้ำท่วม ให้ไม่เกิดความเสียหายและกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมมาฝากกัน  เครื่องปรับอากาศ โดยทั่วไปแล้วตัวแอร์ที่อยู่ภายในบ้าน จะถูกติดบนตำแหน่งสูงอยู่แล้ว หากน้ำไม่ได้ท่วมสูง เพียงแค่สับสวิตช์เครื่องปรับอากาศลง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากไฟดูด เพราะโอกาสที่น้ำจะท่วมถึงค่อนข้างน้อย คอมเพรสเซอร์ ดูให้แน่ใจอีกครั้งว่าสับสวิตช์เรียบร้อยแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าแล่นเข้าสู่ตัวเครื่อง จากนั้นให้นำ พลาสติกหรือผ้าใบที่สามารถกันน้ำได้ มาคลุมที่ตัวเครื่อง ให้มิดชิดเพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าไปยังตัวเครื่อง ที่สำคัญอย่าลืมเช็กให้ชัวร์ว่าผ้าใบที่นำมาใช้ไม่มีจุดไหนที่รั่ว  ในกรณีที่เสี่ยงน้ำท่วมสูง แต่ถ้าหากอยู่ในพื้นที่ที่น้ำท่วมสูงทุก ๆ ปี หรือตำแหน่งที่ติดแอร์ค่อนข้างต่ำและมีสิทธิ์โดนน้ำ ควรเตรียมความพร้อมด้วยการ เรียกช่างผู้ชำนาญมาถอดเครื่องปรับอากาศทั้งตัวแอร์ในบ้านและคอมเพรสเซอร์ออก แล้วนำไปเก็บในที่ที่ปลอดภัยจากน้ำ  ที่สำคัญหากเกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน ให้รีบถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด และทำการสับสวิตช์ลงให้หมด เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ เมื่อจัดการเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเรียบร้อยแล้ว ให้รีบอพยพโดยเร็ว เมื่อน้ำลดแล้วอย่าพึ่งเปิดใช้งานหรือเปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าทันที (ในกรณีที่น้ำท่วมถึงสิ่งของ) ให้ไล่ความชื้นหรือน้ำออกไปก่อน ด้วยการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปตากแดด ในกรณีคอมเพรสเซอร์ให้ถอดที่คลุมออก นำที่เป่าลมมาเป่าให้แห้งและปล่อยไว้สัก 2-3 วัน ให้แห้งสนิทจริง ๆ แล้วค่อยเปิดการใช้งาน อีกปัญหาที่มาพร้อมกับฝนตกก็คือ ไฟกระชาก ไฟเกิน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เครื่องปรับอากาศเสียหายได้ แต่ไม่ต้องกลัวอีกต่อไปเพราะในปัจจุบันแคเรียร์เองก็มีมีเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันแผงไฟฟ้าลัดวงจรโดยเฉพาะอย่าง ANTI-SHOCK พร้อมเปิดใช้งานเครื่องใหม่เองอัตโนมัติเมื่อไฟดับอย่าง AUTO-RESTART อีกด้วยนะ

การล้างแอร์บ้านเรื่องสำคัญที่ต้องรู้

การล้างแอร์บ้านเรื่องสำคัญที่ต้องรู้

การล้างแอร์เป็นสิ่งที่ทุกบ้านจำเป็นต้องทำ นอกจากจะเพื่อให้แอร์สะอาด ไม่มีสิ่งอุดตันแล้ว ยังทำให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยาวนานขึ้นอีกด้วย แต่คำถามก็คือ ต้องล้างแอร์แบบไหนถึงจะดีล่ะ หลายคนอาจจะคิดว่าการล้างแอร์นั้นจำเป็นต้องจ้างช่างมาทำให้ทุกครั้ง ซึ่งจริงๆแล้วการล้างแอร์นั้นสามารถทำได้หลายวิธี รวมถึงยังมีบางวิธีที่เราสามารถทำเองได้อีกด้วย แต่ระดับความสะอาดและระยะเวลาก็จะต่างกันออกไป การล้างแอร์แบ่งออกเป็นหลายวิธี ซึ่งวิธีทั่วไปที่ช่างนิยมทำกันก็คือ การล้างด้วยน้ำแรงดันสูง เป็นการใช้ปั้มน้ำแรงดันสูงฉีดล้างทำความสะอาดตัวคอยล์เย็นด้านใน เพื่อเป็นการกำจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่เกาะอยู่ตามช่องระบายลมและแผงรังผึ้งแอร์ รวมถึงการล้างฟิลเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของแอร์ที่สามารถถอดออกมาล้างได้ และทำการเป่าหรือทิ้งไว้ให้แห้ง จากนั้นก็ทำการล้างทำความสะอาดคอนเดนเซอร์ตัวนอกที่อาจจะมีฝุ่นจับอยู่ตามใบพัด เพียงเท่านี้ก็จะทำให้แอร์สะอาดหมดจด และไม่มีเสียงดังรบกวนอีกด้วย ซึ่งวิธีนี้แนะนำให้ทำอย่างน้อย 1 ครั้งต่อ 6 เดือน หรือปีละ 2 ครั้ง แต่ทั้งนี้เราสามารถดูได้จากการทำงานของแอร์ว่าติดขัดหรือมีฝุ่นเกาะมากน้อยแค่ไหนก็ได้เช่นกัน เนื่องจากการใช้งานและสถานที่ติดตั้งแอร์ของแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน หากแอร์เรามีฝุ่นเกาะจำนวนมากอย่างเห็นได้ชัด และปล่อยความเย็นได้น้อยลง เราก็อาจจะต้องจ้างช่างมาล้างแอร์ให้เร็วขึ้นก็เป็นได้ หากรู้สึกไม่อยากจ้างช่างมาล้างแอร์บ่อย ๆ ทุกครั้งที่แอร์ไม่เย็น แล้วเราสามารถล้างแอร์เองได้หรือไม่นั้น คำตอบคือได้ครับ  การถอดฟิลเตอร์ / แผ่นกรองฝุ่นออกมาทำความสะอาด เราสามารถที่จะถอดฟิลเตอร์แอร์ หรือแผ่นกรองฝุ่นออกมาทำการล้างทำความสะอาด ตากไว้ให้แห้ง แล้วนำกลับมาติดใหม่ได้ การทำแบบนั้นจะทำให้ฝุ่นที่เกาะขวางทางเดินของลมหลุดออกไป แอร์ก็จะสามารถปล่อยความเย็นออกมาได้อย่างเต็มที่ การใช้สเปรย์ล้างคอยล์เย็น หรืออีกวิธีหนึ่งคือการซื้อสเปรย์ล้างคอยล์เย็นที่เป็นโฟมมาฉีดพ่นให้ทั่ว และพรมน้ำสะอาดตามจนกว่าฟองซึมเข้าไปข้างในได้หมด แอร์ของเราก็จะสะอาดเข้าไปถือข้างในและปล่อยลมออกมาได้เย็นขึ้น  […]

เครื่องทำความเย็นแบบไหน?? ที่ใช่สำหรับเรา

เครื่องทำความเย็นแบบไหน__ ที่ใช่สำหรับเรา

      อากาศร้อนเป็นของคู่เมืองไทยแบบไม่ต้องสงสัย ถึงแม้จะเป็นช่วงหน้าฝน หรือหน้าหนาวก็ยังไม่วายมีอากาศร้อนมาแจมอยู่เสมอ ด้วยความเป็นเมืองร้อนแบบขึ้นชื่อของประเทศไทยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจำเป็นจะต้องมีนวัตกรรมเกี่ยวกับการให้ความเย็นมากมายนับไม่ถ้วน อย่างเครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าตระกูลพัดลม มีตั้งแต่พัดลมธรรมดา พัดลมไอน้ำ และล่าสุดเป็นพัดลมไอเย็น แล้วแต่ละอย่างต่างกันยังไง แบบไหนเวิร์คสุด วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกัน       พัดลมไอเย็น ≠ พัดลมไอน้ำ พัดลมไอน้ำคือพัดลมที่สามารถพ่นไอน้ำออกมาได้ ได้ทั้งความเย็นและความชื้น แต่จะสามารถควบคุมได้แค่ความเร็วของพัดลม ไม่สามารถควบคุมปริมาณความชื้นที่ออกมาได้จึงทำให้ไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ ซึ่งตัวพัดลมไอน้ำจะเหมาะแก่การใช้งานด้านนอกอาคารหรือใช้งานในพื้นที่เปิดมากกว่าในบ้าน ส่วนพัดลมไอเย็น ทำงานโดยใช้หลักการระเหยของน้ำเป็นตัวรับความร้อนในอากาศ ทำให้ลมที่ออกมาเย็นแต่ไม่มีละอองน้ำเหมือนพัดลมไอน้ำ ตัวพัดลมไอเย็นได้รับการออกแบบมาให้เคลื่อนที่ได้ สามารถใช้ได้ทั้งในพื้นที่เปิดและปิด        เทียบพัดลมไอเย็น-เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่-เครื่องปรับอากาศติดผนัง หลายคนมักคิดไม่ตกว่าห้องของเราจะเหมาะกับการติดตัวช่วยความเย็นแบบไหนดี ด้วยความที่ตัวช่วยความเย็นก็มีให้เลือกหลายชนิด ถ้ายังเลือกไม่ถูกล่ะก็ เราได้ทำตารางเปรียบเทียบเพื่อช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นแล้ว จะเห็นได้ว่าเครื่องทำความเย็นแต่ละแบบต่างก็มีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป มีทั้งที่เหมาะกับพื้นที่เปิด พื้นที่ขนาดใหญ่ ไปจนถึงเหมาะสำหรับการใช้ภายในครัวเรือน อย่างเครื่องปรับอากาศที่มาพร้อมฟังก์ชั่นที่หลากหลาย ถ้าใครที่กำลังหาแอร์บ้านตัวใหม่อยู่ล่ะก็ อย่าลืมทำความรู้จักกับแคเรียร์ แบรนด์เครื่องปรับอากาศเจ้าแรกของโลก ที่ยังคงพัฒนาฟังก์ชั่นหลากหลาย ที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุดกันด้วยนะ รับรองว่าไม่มีผิดหวัง

อยู่ห้องแอร์นาน ๆ ผิวแห้งจริงหรือ!?

อยู่ห้องแอร์นาน-ๆ-ผิวแห้งจริงหรือ

ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่กำลังประสบกับปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวที่แห้งกร้าน รู้สึกขาดความชุ่มชื้นและไม่น่าสัมผัส ซึ่งถึงแม้ว่าจะหมั่นทาโลชั่น ดื่มน้ำเยอะ ๆ เลี่ยงการอาบน้ำอุ่น และสารพัดวิธีในการทำให้ผิวชุ่มชื้นก็ยังไม่เพียงพอ ที่จะตอบโจทย์ปัญหาผิวหรือช่วยฟื้นผิวให้กลับมามีความเนียนนุ่มชุ่มชื้นได้ ยิ่งอากาศเมืองไทยที่ร้อนจัดทำให้เราใช้เวลาอยู่ในห้องแอร์เป็นส่วนใหญ่ แล้วการอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานานนั้นเป็นสาเหตุของผิวแห้งหรือส่งผลต่อสุขภาพของเราหรือไม่? แคเรียร์จึงอยากมาช่วยไขข้อสงสัยและแนะวิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องผิวกัน ผิวแห้งกรานเพราะแอร์ อาจเกิดขึ้นได้เมื่อโดนลมเป่าตัวตรง ๆ เป็นเวลานาน ทำให้ผิวหนังเสียความชุ่มชื้นไป จนเกิดอาการแห้ง คัน แสบ แดง เป็นสาเหตุให้เรารู้สึกไม่สบายตัว นอกจากนี้การที่ลมเป่าตัวอุณหภูมิที่เย็นจัดยังทำให้เกิดอาการปวดหัว ตาแห้ง จมูกแห้ง ร่วมด้วย โดยระดับความแห้งของผิวมีที่มาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างทั้งภายนอกและภายใน ดั้งนั้นนอกจากที่เราจะรักษาความชุ่มชื้นหรือสมดุลในร่างกายแล้วก็อย่าลืมเรื่องของปัจจัยภายนอกโดยการเลี่ยงลมที่ปะทะผิวโดยตรง ที่จะทำให้ผิวแห้งตึงและขาดน้ำได้ง่าย ซึ่งส่งผลในระยะยาวให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรอีกด้วยนะครับ GENTLE TOUCH อีกหนึ่งเทคโนโลยีจากแคเรียร์ที่ถูกพัฒนามาเพื่อช่วยดูแลปัญหาผิวและสุขภาพที่เราใส่ใจ โดยเลี่ยงการเป่าลมสู่ผิวโดยตรง ให้ความเย็นที่ทุกคนได้รับเป็นสัมผิสที่อ่อนโยนแต่เย็นอย่างทั่วถึง ทำให้ไม่ระคายเคืองต่อผิวพร้อมรักษาความชุ่มชื้นในอากาศกว่า 30% ในการเปิดใช้งานระบบนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ แค่กดปุ่ม Menu แล้วเลือกโหมด HADA บนแอร์แคเรียร์ XInverter Plus หรือแคเรียร์ Color Smart

เรื่องน่ารู้โหมดความเย็น ปรับยังไงให้โดนใจ 

เรื่องน่ารู้โหมดความเย็น ปรับยังไงให้โดนใจ

ว่าด้วยเรื่องโหมดความเย็นในแอร์ เคยสงสัยกันไหมว่าทั้งๆ ที่ตั้งอุณภูมิสูงกว่า 25 องศาแต่ทำไมแอร์ยังหนาวอยู่ หรือบางครั้งเครื่องปรับอากาศตัวดีกลับไม่มีความเย็น มีแต่ลมออกมา หลายคนต่างพากันสงสัยว่าเอ๊ะแอร์เราเสียหรือป่าว? อย่าพึ่งตกใจไป จงตั้งสติแล้วหยิบรีโมทแอร์ขึ้นมาดู ว่ามีสัญลักษณ์อะไรบ้างปรากฏที่หน้าจอ และเครื่องปรับอากาศของคุณอยู่ในโหมดใด แล้วจริง ๆ แล้วเปิดแอร์โหมดไหนถึงจะตรงความต้องการเรามากที่สุด แอร์โหมดไหนเหมาะกับช่วงไหน วันนี้แคเรียร์มีคำตอบมาให้แล้ว  วิธีเช็กว่าเครื่องปรับอากาศของคุณอยู่ในโหมดใด ง่ายๆ เลยให้กดปุ่มที่เขียนว่า “Mode” เมื่อเรากดปุ่มนี้ 1 ครั้งสัญลักษณ์บนหน้าจอก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วสัญลักษณ์ของโหมดต่างๆ จะมีทั้งหมด 4 รูป ได้แก่ สัญลักษณ์รูปหิมะ สัญลักษณ์รูปหยดน้ำ สัญลักษณ์รูปใบพัดลม และสัญลักษณ์รูปตัว A ซึ่งสัญลักษณ์เหล่านี้จะแทนโหมดต่างๆ  ดังนั้นวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับโหมดต่างๆ ที่รู้แล้วจะทำให้เข้าใจการปรับแอร์ได้โดนใจเราที่สุด ความสำคัญของ Mode ต่างๆ การเลือกใช้โหมดเครื่องปรับอากาศถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่เราต้องรู้  เพราะแต่ละโหมดมีความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกโหมดที่ถูกต้องก็จะทำให้เราได้รับความสบายในการใช้เครื่องปรับอากาศอีกด้วย นอกจากนี้แอร์แต่ละโหมดก็ยังเหมาะกับสภาพแวดล้อม และความต้องการที่แตกต่างกันอีกด้วย Cool Mode : ทำงานโดยการปรับอุณหภูมิห้องให้ตรงกับอุณหภูมิบนรีโมทแอร์ สามารถปรับความเร็วพัดลมได้ เหมาะกับอากาศร้อน ๆ  Dry Mode: คล้าย […]

 วิธีดับกลิ่นห้องเหม็นอับ รับหน้าฝน

วิธีดับกลิ่นห้องเหม็นอับ รับหน้าฝน_carrier

มีใครเคยเจอกับปัญหาห้องมีกลิ่นอับบ้างมั้ย? ทุกครั้งที่เข้ามาในห้องเมื่อไหร่กลิ่นอับก็เข้ามาเตะจมูกทุกที ยิ่งไปกว่านั้น…เข้าสู่หน้าฝนทีไร ต้องเจอกับห้องเหม็นอับทุกที สาเหตุเป็นเพราะว่าความชื้นจากภายนอกที่เข้ามาในห้องส่งผลให้เกิดกลิ่นอับในห้องตามมาได้นั่นเอง สาเหตุของปัญหาห้องอับชื้น จริง ๆ แล้วปัญหาห้องอับชื้นนั้นมีที่มาจากหลายสาเหตุ ดังนั้นเราควรเช็กให้ดีว่า…ห้องของคุณมีกลิ่นเหม็นอับมาจากปัญหาอะไร สามารถเช็กได้ตามด้านล่างนี้เลย หลายครั้งที่ปัญหาห้องอับมาจากเรื่องเล็กน้อยที่เรามองข้าม แต่ใครจะรู้ว่ากลิ่นอับนั้นมาจากฝุ่นได้ด้วย ซึ่งฝุ่นที่เข้ามาสะสมในห้องนั้นอาจมาได้ทั้งจากในห้องที่ไม่ได้มีการทำความสะอาด หรือจากข้างนอกบ้านที่สะสมมาจากมลภาวะและติดมากับเสื้อผ้า หรือของใช้ จนทำให้กลายเป็นฝุ่นก่อตัวสะสมในห้อง และส่งผลทำให้เกิดกลิ่นอับชื้นได้ ลองสังเกตให้ดีว่าห้องของคุณมีพื้นที่ระบายอากาศมากพอหรือเปล่า บางทีพื้นที่ห้องอาจจะกว้างมาก หรือมีซอกมุมในห้องเยอะ แต่มีพื้นที่ระบายอากาศน้อยจะส่งผลให้กลิ่นห้องอับได้ ความชื้นดังกล่าวแต่เดิมอาจมาจากห้องน้ำเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว จากไอชื้นที่มีอยู่ข้างในห้องน้ำ รวมกับความชื้นที่ออกมาจากบรรยากาศฝนตกภายนอก  จนทำให้ห้องเราเป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา ทำให้กลิ่นห้องอับขึ้นได้เช่นกัน เป็นอย่างไรกันบ้าง ลองเช็กกันดูให้ดีว่าห้องของเรามีสาเหตุกลิ่นเหม็นมาจากอะไรบ้าง แล้วแก้ไขปัญหาตามทริคดี ๆ ที่แคเรียร์ได้เอามาฝากกันเลย วิธีดับกลิ่นห้องเหม็นอับ ปัญหากลิ่นห้องเหม็นอับจะไม่กวนใจอีกต่อไป เพียงทำตามทริคนี้ ห้องของคุณจะหมดปัญหากลิ่นห้องอับ อากาศหอมเฟรชขึ้นมาทันที 1.เปิดหน้าต่างระบายกลิ่นอับ ในช่วงเช้าที่มีแสงแดดลองหันมาปิดแอร์ และเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมจะดีกว่า นอกจากจะช่วยลดปัญหากลิ่นอับในห้องได้แล้ว การเปิดหน้าต่างตอนเช้ายังช่วยรับอากาศดี ๆ เพื่อให้วันทั้งวันของคุณสดชื่นได้อีกด้วย 2.ทำความสะอาดห้องอยู่เป็นประจำ การทำความสะอาดห้องอยู่เป็นประจำจะช่วยลดปัญหาฝุ่น และเชื้อราแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในห้องซึ่งเป็นต้นตอของปัญหากลิ่นอับ 3.ไม่ตากผ้าที่เปียกชื้นในห้อง การตากผ้าที่เปียกชื้นในห้อง นอกจากจะทำให้ผ้าของเราแห้งไม่สนิทแล้ว จะยังเป็นตัวช่วยในการเพิ่มกลิ่นอับให้กับห้องอีกด้วย หากไม่มีพื้นที่ในการตากผ้าให้แห้ง ควรเปลี่ยนวิธีมาเป็นการอบผ้าแทน จะช่วยลดปัญหาห้องอับได้ […]

ทำแวคคั่มให้แอร์คู่ใจ ขั้นตอนการเตรียมแอร์ที่ทุกบ้านควรรู้

ทำแวคคั่มให้แอร์คู่ใจขั้นตอนการเตรียมแอร์ที่ทุกบ้านควรรู้

การมีแอร์คู่ใจสักเครื่อง นอกจากจะทำให้การใช้ชีวิตของเราเย็นสบายขึ้นแล้ว ยังทำให้รู้สึกดีได้อีกด้วย เพราะความเย็นของแอร์สามารถทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว ยิ่งกับสภาพอากาศของประเทศไทยที่มีความร้อนชื้นเป็นหลัก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าแอร์กลายเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิตของเราไปโดยปริยาย และเพื่อไม่ให้แอร์ตัวโปรดเกิดปัญหาให้ต้องมาซ่อมแซมภายหลัง เราควรให้ความสำคัญตั้งแต่การติดตั้งแอร์ ไปจนถึงกระบวนการต่างๆที่ส่งผลต่อการทำงานของแอร์ด้วย การติดตั้งแอร์ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการติดตั้งตัวเครื่องหรือการจัดระบบให้แอร์อยู่ในสถานะพร้อมทำงาน หลายคนอาจเข้าใจว่าการเติมน้ำยาแอร์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แท้จริงแล้วการเติมน้ำยาแอร์นั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำได้หลังจากผ่านทุกขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือการตรวจสอบรอยรั่วของระบบ เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำยาแอร์จะไม่รั่วไหลออกไป ต่อด้วยการทำสุญญากาศระบบ (Evacuating The System) หรือเรียกอีกอย่างว่า การทำแวคคั่ม (Vacuum) ด้วยแวคคั้มปั๊ม (Vacuum Pump) การทำแวคคั่มแอร์ คือการใช้ปั๊มดูดเอาอากาศและความชื้นที่เป็นตัวการทำให้ระบบเครื่องทำความเย็นทำงานได้ไม่ดีออกให้หมด เพราะความชื้นนั้นก่อให้เกิดการควบแน่นและกลายเป็นน้ำไปขัดขวางการเดินของน้ำยาแอร์และยังเกิดเป็นกรดไปกัดกร่อนท่อแอร์ได้อีกด้วย กล่าวคือ การทำแวคคั่มแอร์ให้เรียบร้อยตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้การทำความเย็นของแอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงระบบภายในต่าง ๆ ก็จะทำงานได้อย่างต่อเนื่อง การทำแวคคั่มแอร์จำเป็นต้องทำงานร่วมกับเกจวัดแอร์ อุปกรณ์ตรวจสอบความดันของสารทำความเย็น ซึ่งจะช่วยทำให้การปรับอากาศแม่นยำมากขึ้น  ฉะนั้น การทำแวคคั่มแอร์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นต้องทำก่อนการเติมน้ำยาแอร์ เนื่องจากปกติแล้วแอร์จะทำงานเป็นระบบปิด น้ำยาแอร์จะไม่สลายตัวและยังสามารถไหลเวียนอยู่ในแอร์ต่อไปได้หากไม่เกิดการรั่วซึม ซึ่งรอยรั่วจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อระบบไม่ได้เป็นสุญญากาศ การทำแวคคั่มแอร์ นอกจากจะไม่ต้องคอยเสียเงินซ่อมแซมโดยใช่เหตุแล้ว แอร์เครื่องโปรดก็ยังสามารถทำงานได้เต็มที่อีกด้วย การทำแวคคั่มแอร์ในแต่ละครั้งต้องให้แน่ใจว่าจะไม่มีความชื้นหลงเหลืออยู่ภายในระบบเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะอาจทำให้เกิดผลกระทบและความเสียหายกับชิ้นส่วนต่างๆของระบบปรับอากาศได้ ไม่ว่าจะเป็นการเกิดน้ำแข็งมาปิดกั้นการไหลเวียนของสารทำความเย็น หรือเกิดเป็นกรดที่เรียกว่า ไฮโดรคลอริก (Hydrochloric acid) กรดที่จะกัดทำลายส่วนที่เป็นโลหะของระบบปรับอากาศทั้งหมด ทำให้ระบบเกิดการอุดตันบริเวณตะแกรงกรองของทางเข้าของคอมเพรสเซอร์ได้  […]

7 ทริคเด็ดลดค่าไฟจากการใช้เครื่องปรับอากาศ

7 ทริคเด็ดลดค่าไฟจากการใช้เครื่องปรับอากาศ

เครื่องปรับอากาศเป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีกันทุกบ้าน โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัด การใช้งานแอร์มักมาพร้อมกับค่าไฟฟ้าสูงขึ้น แคเรียร์มี 7 ทริควิธีลดค่าไฟแอร์ มาบอก ตามด้านล่างนี้เลย 1.เลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ การเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี ‘ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5’ เป็นสิ่งที่ควรให้ความใส่ใจ เพราะเป็นสัญลักษณ์ที่บอกถึงคุณภาพในการผลิตที่ได้มาตรฐาน ประหยัดพลังงาน และลดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว ด้วยมาตรฐานใหม่ที่มีความละเอียด และแม่นยำมากขึ้น สามารถมั่นใจได้ว่าแอร์ที่คุณเปิดใช้จะประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้อีกได้จริง  2. เทคนิคการตั้งอุณหภูมิแอร์ช่วยเซฟไฟ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงทนร้อนกันไม่ไหว แต่การเร่งความเย็นเครื่องปรับอากาศตอนเปิดด้วยวิธีการลดอุณหภูมิให้ต่ำลง เป็นวิธีที่ทำให้สิ้นเปลืองไฟโดยเปล่าประโยชน์ อยากให้ทุกคนรอสักอึดใจ ให้เครื่องปรับอากาศได้ทำความเย็นก็จะได้ความเย็นสมใจ หรือจะใช้อีกวิธีหนึ่งด้วยการใช้โหมดเร่งความเร็วพัดลมแทนจะดีกว่า ทำให้ประหยัดพลังงานได้มากกว่าเดิม 3. การตั้งเวลาเปิด-ปิด สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิด ได้ตามกิจวัตร อย่างเช่น การปรับเวลาให้ตรงกับกิจวัตรประจำวันของคุณ เช่น ตั้งแอร์ให้ทำงานในช่วงเวลาที่คุณอยู่บ้าน และปิดเมื่อคุณออกจากบ้าน หรือปิดแอร์ในช่วงที่คุณหลับ หรือไม่อยู่ห้อง เป็นต้น ไม่ควรเปิด-ปิด เครื่องปรับอากาศบ่อย ๆ เพราะในทุกครั้งที่มีที่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศ จะมีการดึงพลังงานไฟไปใช้ค่อนข้างสูง ดังนั้นการเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศบ่อยเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน รวมไปถึงทำให้เครื่องปรับอากาศมีปัญหาในภายหลังได้  การตั้งเวลาเปิด-ปิดของเครื่องปรับอากาศจะช่วยลดการใช้พลังงาน เป็นวิธีลดค่าไฟแอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะช่วยลดการทำงานหนักของแอร์ได้ […]

เรื่องของคอยล์ (Coil) ที่หลายคนอาจไม่รู้

เรื่องของคอยล์ (COIL) ที่หลายคนอาจไม่รู้

เคยไหมเวลาไปซื้อเครื่องปรับอากาศแล้วพนักงานถามว่า “สนใจเป็นคอยล์แบบไหน” หรือ “รุ่นนี้ดีนะเป็นคอยล์ทองแดงด้วย” หลาย ๆ คนคงถึงกับงงว่า “คอยล์” ที่พูดถึงเนี่ยคืออะไร แล้วคอยล์เย็น คอยล์ร้อน คืออะไร มีหน้าที่ทำอะไร ต่างกันยังไง บทความนี้จะมาไขความกระจ่างให้ทุกท่านได้หายสงสัยกัน โดยจะพาไปรู้จักกับ “คอยล์” ผู้เปรียบเสมือนกับปอดของเครื่องปรับอากาศ อ่านจบแล้วรับรองคุยกับช่างรู้เรื่อง! คอยล์คืออะไร คอยล์ (Coil) หรือ รังผึ้ง ที่ช่างชอบเรียกกัน มีหน้าที่โดยรวมคือแลกเปลี่ยนความร้อนเพื่อให้ห้องนั้นๆ มีอากาศที่เย็นขึ้น ซึ่งคอยล์ที่อยู่ในเครื่องปรับอากาศจะแบ่งออกเป็น 2 ตัว คือ คอยล์ร้อนและคอยล์เย็นซึ่งทำหน้าที่แตกต่างกัน ดังนี้ คอยล์เย็น (Evaporator) เป็นคอยล์ส่วนที่อยู่ด้านในห้อง ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความร้อนกับสารทำความเย็น (น้ำยาแอร์) ให้เกิดการระเหยกลายเป็นไอ และทำความเย็นออกมา  คอยล์ร้อน (Condenser) เป็นคอยล์ส่วนที่อยู่ด้านนอก ทำหน้าที่ระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็น เพื่อทำให้สารทำความเย็นที่มีสถานะเป็นไอกลับมาเป็นของเหลวอีกครั้ง ความแตกต่างระหว่างคอยล์ทองแดงและคอยล์อลูมิเนียม ปัจจุบันมีวัสดุที่นำมาทำเป็นคอยล์ 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่อลูมิเนียมและทองแดง เนื่องจากคอยล์สองชนิดนี้ทำจากวัสดุคนละชนิดกัน จึงทำให้เกิดข้อแตกต่างในการใช้งานและการดูแลรักษา สามารถดูรายละเอียดได้จากตารางด้านล่างนี้เลย จะเห็นได้ว่าโดยรวมแล้วปัจจุบันคอยล์ทองแดงค่อนข้างมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความทนทาน […]

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save