มีใครไม่ชอบบรรยากาศช่วงหน้าฝนบ้าง นอกจากจะมีท้องฟ้าจะมีความขมุกขมัว เมฆฝนอึมครึมแล้ว ยังมาพร้อมกับเสียงฟ้าผ่า และสิ่งที่ตามมาก็คือ ปัญหาไฟตก ไฟช็อต ที่นอกจากจะจะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเกิดการหยุดการใช้งานแล้วยังส่งผลให้เกิดการชำรุด เสียหายได้ ซึ่งค่าใช้จ่ายในความเสียหายในครั้งนี้ก็ถือว่าเยอะเลยทีเดียวในการซ่อมแซมแต่ละครั้ง วันนี้แคเรียร์จึงมีเคล็ดไม่ลับ ดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าในหน้าฝนมาให้ดูกัน
ไฟตก ไฟช็อต เกิดจากอะไร
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าไฟตก และ ไฟช็อต มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีสาเหตุมาจาก กระแส ลม พายุ ที่พัดแรงจนทำให้ไฟฟ้าไร้เสถียรภาพในการจ่ายไฟไปในชั่วขณะ หรืออาจเกิดขึ้นจากการที่ฟ้าผ่าหม้อแปลงไฟ จนทำให้หม้อแปลงเกิดการระเบิดทำให้กระแสไฟฟ้าจ่ายไปได้ไม่ทั่วถึง โดยแรงดันไฟฟ้าจะถูกลดระดับลงจนเหลือเพียงแค่ 220 V จากเดิมที่ควรมีระดับไฟฟ้าอยู่ที่ 230 V ซึ่งทำให้เกิดเหตุการณ์ไฟตกและไฟดับขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อแหล่งจ่ายไฟถูกทำให้ชำรุดเสียหาย เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านก็ไม่สามารถใช้ได้ตามมา
ผลกระทบของไฟตก ไฟช็อตต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า
บอกได้เลยว่าปัญหาไฟตก ไฟช็อตแม้ว่าจะดูเป็นปัญหาไกลตัว แต่เป็นปัญหาใกล้ตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นอย่างมาก หากเจ้าของไม่มีการสังเกตให้ดี อาจดูไม่ออกเลยว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าของเรากำลังมีปัญหาอยู่ โดยเราสามารถสังเกตได้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าของเรามีปัญหาไฟตกได้ ดังนี้
- ในระยะเริ่มต้น เครื่องใช้ไฟฟ้ามีอาการกระพริบ ติด ๆ ดับ ๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่
- ในระยะต่อมา เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานไม่ทำงาน เช่น เปิดไม่ติด
ดังนั้นควรเช็กให้ดีเมื่อเกิดฝนตก และ ฟ้าผ่า ควรตรวจดูให้ดีว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณได้รับผลกระทบจากปัญหาไฟตก ไฟช็อตหรือเปล่าเพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาในระดับเบื้องต้นได้เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าให้มากขึ้น
วิธีรับมือกับปัญหาไฟตก ไฟช็อตเบื้องต้น
เมื่อพบเจอว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าเกิดปัญหาไฟตก ไฟช็อตขึ้น เราควรที่จะเรียนรู้วิธีรับมือเบื้องต้นเอาไว้ เพื่อที่จะไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อทั้งคนใช้ และ ช่วยทำให้ยืดระยะเวลาการใช้งานให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้มากขึ้น
1.ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทันเมื่อเกิดไฟตก
เมื่อเกิดเหตุการณ์ฝนตก มักตามมาด้วยปัญหาไฟตก ไฟช็อตทันที เราควรที่จะปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูงทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นตามมา
2.ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน
หากเราเสียบปลั๊กทิ้งไว้ และเกิดเหตุการณ์ไฟตกขึ้น จะทำให้กระแสไฟฟ้าไหลเข้าอุปกรณ์อยู่เสมอ ดังนั้นการถอดปลั๊กไฟจะช่วยเลี่ยงผลกระทบของไฟตกได้
3.หากเกิดเหตุการณ์ไฟตก ไฟช็อต บ่อยครั้ง ควรติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพื่อความปลอดภัย
เพื่อความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้า ควรติดอุปกรณ์เสริมเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องควบคุมแรงดันไฟฟ้า เครื่องตัดไฟรั่ว เบรกเกอร์ หรือเครื่องกันไฟตก
4.ใช้เครื่องสำรองไฟเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
หากในช่วงเวลาที่ฝนตกตรงกับช่วงเวลาคับขันที่คุณจำเป็นที่จะต้องใช้ไฟ การที่มีปัญหาไฟตก ไฟดับมากวนใจ คงจะทำให้ชีวิตยุ่งยากมากขึ้น การมีเครื่องสำรองไฟติดไว้ที่บ้านก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี โดยมักนิยมใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความซับซ้อน เช่น คอมพิวเตอร์หรือเครื่องช่วยหายใจ
5.เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีระบบป้องกันไฟตก ไฟช็อต
ทางเลือกสุดท้าย ควรเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีระบบป้องกันในเบื้องต้นเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลังยกตัวอย่างเช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีระบบตัดไฟอัตโนมัติหรือเครื่องปรับอากาศจากแคเรียร์ที่มีระบบ Anti-shock ป้องกันปัญหาไฟฟ้าไม่เสถียร ไม่คงที่ ในช่วงฝนตกก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยยืดระยะการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าได้
ใช้แอร์แคเรียร์ไฟตกแค่ไหน ก็ไม่ตกใจแน่นอน
และถ้าใครยังกังวลว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟตก ไฟช็อตแล้วการใช้ชีวิตของคุณจะสะดุดหรือเปล่า แคเรียร์ขอบอกเลยว่าไม่ต้องกังวลใจไป เพียงหันมาเลือกใช้เครื่องปรับอากาศจากแคเรียร์ เย็นฉ่ำสุด ไม่มีสะดุดแน่นอน ด้วยระบบป้องกันปัญหาไฟฟ้าไม่เสถียร หรือ Anti-shock ที่จะช่วยลดปัญหาเครื่องปรับอากาศชำรุดได้เมื่อเกิดปัญหาไฟตก ไฟช็อต รวมถึงยังมีโหมด Auto Restart แม้ไฟดับในช่วงเวลาสำคัญ ก็รีสตาร์ทแอร์ให้กลับมาทำงานต่อเนื่องได้อัตโนมัติ ทำให้เราพักผ่อนต่อเนื่องได้ไม่มีสะดุด สามารถศึกษาข้อมูลเครื่องปรับอากาศเพิ่มเติมได้ที่ https://carrierthailand.com/air-conditioner/