ห้องมีกลิ่นเหม็นใครว่าเป็นเรื่องตลก ปัญหากวนใจเหล่านี้ไม่ได้ทำให้คุณหงุดหงิดใจเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นตอของการเกิดโรคต่างๆ ได้อีกด้วย หากคุณกำลังสงสัยว่า ห้องเหม็นอับ ทำไงดี บทความนี้ผมได้แชร์วิธีกำจัดกลิ่นอับแบบง่ายๆ แต่ได้ผลระยะยาว แต่ก่อนอื่นผมขอเริ่มด้วย 7 สาเหตุสำคัญของห้องเหม็นอับ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยครับ
7 สาเหตุที่ทำให้ห้องมีกลิ่นเหม็นอับ
เพราะกลิ่นเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มีสาเหตุที่คุณสามารถป้องกันและแก้ไขได้ มาดูกันว่าอะไรคือ 7 สาเหตุหลักที่ทำให้ห้องของคุณนั้นมีกลิ่นเหม็นอับ
· ไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ:
หากห้องเหม็นอับไม่มีหน้าต่าง จะทำให้อากาศหมุนเวียนไม่สะดวก เป็นสาเหตุให้อากาศเก่าค้างอยู่ภายในและเกิดกลิ่นอับชื้นตามมาได้
· เครื่องปรับอากาศที่ไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นเวลานาน:
หากไม่ได้ล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ ฝุ่นละออง เชื้อรา และความชื้นที่สะสมอยู่ในแอร์ สามารถเป็นแหล่งกำเนิดกลิ่นไม่พึงประสงค์
· เศษอาหารหรือขยะตกค้างในห้อง:
หากรับประทานอาหารภายในห้องนอน แล้วไม่ได้เก็บเศษอาหารไปทิ้ง กลิ่นเน่าเสียจะค่อยๆ สะสมจนกลายเป็นกลิ่นอับติดห้อง ยากต่อการกำจัดกลิ่น
· ละเลยการทำความสะอาดเป็นประจำ:
แม้จะไม่เคยนำอาหารเข้ามารับประทาน แต่ถ้าหากละเลยการทำความสะอาดห้อง กลิ่นอับก็ยังคงสามรถเกิดได้
· เสื้อผ้า ผ้าห่ม หรือผ้าม่านที่อับชื้น:
เพราะผ้าเป็นวัสดุที่ซึมซับกลิ่นและความชื้นได้เป็นอย่างดี หากทิ้งไว้ไม่ได้ซักหรือตากแดดเลย ผ้าเหล่านี้จะเกิดการสะสมของแบคทีเรียและทำให้เกิดกลิ่น
· มีเชื้อราและความชื้นสะสมในผนังหรือพื้น:
ผนังหรือพื้นห้องจะมีโอกาสได้รับความชื้นจากการซึมของน้ำได้เป็นปกติ หากปล่อยไว้นานๆ จะทำให้เกิดเชื้อราและกลิ่นอับสะสมอยู่ทั่วห้อง
· สัตว์เลี้ยงหรือของใช้สัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้ทำความสะอาด:
หากบ้านใครที่มีสัตว์เลี้ยง เช่น แมว หรือ สุนัข ห้องของคุณมักมีกลิ่นเฉพาะตัวที่ยากต่อการกำจัด การดูแลความสะอาดสม่ำเสมอจึงสำคัญมาก
ห้องเหม็นอับ ทำไงดี 7 วิธีแก้ปัญหาห้องเหม็นอับ ทำได้ง่ายๆ
วิธีที่ 1 หมั่นทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ ล้างแอร์เป็นประจำ
ควรหมั่นล้างเครื่องปรับอากาศอย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน หรือปีละ 2 ครั้ง เพื่อช่วยลดการสะสมของฝุ่นและแบคทีเรีย อันเป็นที่มาของกลิ่นไม่พึงประสงค์ แถมยังช่วยให้แอร์เย็นเร็วและประค่าไฟฟ้าได้อีกด้วย
วิธีที่ 2 เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท
พยายามเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศอยู่เป็นประจำ โดยอย่างน้อยเปิดค้างไว้ประมาณ 30 นาทีต่อวัน เพราะการถ่ายเทอากาศเก่าๆ จะช่วยรับเอาอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้ามา
วิธีที่ 3 ใช้ถ่านไม้ในการดูดกลิ่น
ถ่านไม้ หรือ Activated Charcoal) มีโครงสร้างทางชีวิภาพเป็นรูพรุนระดับนาโน ซึ่งให้พื้นที่ผิวประมาณ 500 ตร.ม. จึงมีความสามารถในการดูดซับโมเลกุลของกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
วิธีที่ 4 นำผ้าสกปรกออกจากห้อง
เพราะผ้าสกปรกมักมีคราบเหงื่อและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งถือเป็นอาหารชั้นดีของแบคทีเรียและเชื้อราที่เติบโตได้ดีในสภาพชื้น หากทิ้งผ้าไว้ในห้องนานๆ จะเกิดเป็นกรดไขมันและแอมโมเนียซึ่งเป็นที่มาของกลิ่นเหม็นอับ
วิธีที่ 5 วางต้นไม้ในห้องช่วยฟอกอากาศ
รู้หรือไม่? พืชหลายชนิดสามารถดูดซับกลิ่นอับได้เป็นอย่างดี เช่น เบนซีน ฟอร์มาลดีไฮด์ และไตรคลอโรเอทิลีน นอกจากนี้ยังปล่อยไอน้ำเพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ ลดกลิ่นเหม็นและการเติบโตของแบคทีเรีย
วิธีที่ 6 ใช้เครื่องฟอกอากาศหรือพัดลมดูดอากาศ
กลไกการทำงานของเครื่องฟอกอากาศจะมีแผ่นกรองที่ช่วยคัดแยกอนุภาคที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน พร้อมคาร์บอนที่จะช่วยดูดซับกลิ่นอับต่างๆ และลดความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เป็นอย่างดี
วิธีที่ 7 ปิดประตูห้องน้ำ
เพราะห้องน้ำเป็นแหล่งที่มีความชื้นสูง และมีการสะสมของกลิ่นจากแบคทีเรียเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงควรปิดประตูห้องน้ำทุกครั้งหลังจากใช้งาน พยายามทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดแบคทีเรียจากพื้นผิว
สรุปปัญหาห้องเหม็นอับ ห้องไม่มีหน้าต่าง
ห้องเหม็นอับไม่มีหน้าต่างถือเป็นหนึ่งในปัญหากวนใจของหลายๆ บ้านที่ยังแก้ไขไม่หาย สาเหตุหลักๆ มักเกิดจากอากาศที่ไม่ถ่ายเท มีความชื้นสะสม และเชื้อราเจริญเติบโต วิธีแก้คือการรักษาความสะดอาดของห้อง เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท และใช้แอร์ระบบ Self Cleaning เพื่อลดความชื้นและกลิ่นอับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รีวิวระบบ Self Cleaning ของแอร์แคเรีย (carrier) ลดการสะสมของความชื้น อีกสาเหตุหนึ่งของเชื้อราและกลิ่นเหม็นอับ
ปัญหาห้องเหม็นอับไม่มีหน้าต่างจะหมดไป ด้วยระบบ Self Cleaning จากเครื่องปรับอากาศ Carrier นวัตกรรมใหม่ที่ทำความสะอาดคอยล์เย็นอัตโนมัติหลังปิดเครื่อง โดยพัดลมจะทำงานต่อเนื่อง 20–30 นาทีเพื่อไล่ความชื้น ลดการสะสมของเชื้อราและกลิ่นอับ ช่วยยืดอายุการใช้งาน ประหยัดค่าล้างแอร์ และใช้พลังงานต่ำ เหมาะสำหรับทั้งบ้านและธุรกิจที่ต้องการความสะอาด คุ้มค่า และดูแลตัวเองได้อัตโนมัติ